XO พุ่งกระฉูดเกือบ 11% นิวไฮในรอบกว่า 1 ปี ลุ้นทะลุเป้า 6.76 บ. คาดกำไรปีนี้โต 57%
XO พุ่งกระฉูดเกือบ 11% นิวไฮในรอบกว่า 1 ปี ลุ้นทะลุเป้า 6.76 บ. คาดกำไรปีนี้โต 57% โดย ณ เวลา 14.49 น. อยู่ที่ระดับ 6.65 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 10.83% สูงสุดที่ 6.90 บาท ต่ำสุดที่ 6 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 47.64 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลา 14.49 น. อยู่ที่ระดับ 6.65 บาท บวก 0.65 บาท หรือ 10.83% สูงสุดที่ 6.90 บาท ต่ำสุดที่ 6 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 47.64 ล้านบาท
ทั้งนี้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในรอบ 1 ปี 2 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 6.65 บาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.60
ด้าน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (9 เม.ย.) แนะนำ “ซื้อ” XO ราคาเป้าหมาย 6.76 บาท/หุ้น โดยรายงานกำไรปี 60 ที่ 59 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนและรับคืนสินค้า ส่วนรายได้ปี 60 เติบโต 7.6% สู่ 945 ล้านบาท (อัตราการเติบโตรายได้ปี 2556-2560 อยู่ที่ 12%ต่อปี ) จากการขยายตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ เอเชียตะวันออก และประเทศแถบยุโรปตอนกลางเพิ่มเติม
โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทยังเป็นซอสปรุงรสและน้ำจิ้มมีสัดส่วนรายได้ราว 72% ของรายได้รวม ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลงจาก 31% สู่ 29.4% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนระหว่างโรงงานเก่าที่แหลมฉบัง (กำลังการผลิต 7.4 พันตันต่อปี) และโรงงานใหม่ที่ระยอง (กำลังการผลิต 1.4 หมื่นตันต่อปี) และมีค่าใช้จ่ายในการรับคืนสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพอีก 11 ล้านบาท
ด้านค่าใช้จ่ายในการบริหารปรับตัวขึ้น 10 ล้านบาทสู่ 144 ล้านบาท เนื่องจากมีการบันทึกค่าเสื่อมราคาโรงงานใหม่ 19 ล้านบาทหลังการใช้กำลังการผลิตต่ำกว่าเป้าหมายที่ 70%(ปี 60 ใช้กำลังการผลิต 35%) โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะลดลงหากสามารถใช้กำลังการผลิตได้เพิ่มขึ้นส่งผลให้บริษัทมีกำไรปี 60 ที่ 59 ล้านบาทหดตัว 23% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
สำหรับปี 61 วางแผนลดต้นทุนและขยายตลาดใหม่เพิ่ม โดย ณ ปัจจุบันโรงงานแห่งใหม่สามารถเดินเครื่องได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยล่าสุดเดือนก.พ.61 ใช้กำลังการผลิต 50% (ปี 60 อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ย 35%) ทำให้ค่าใช้จ่ายในการผลิตซ้ำซ้อนระหว่างโรงงานเก่าและโรงงานใหม่ลดลงอย่างมาก
อีกทั้งผู้บริหารมีแผนย้ายการผลิตขนาดเล็ก (Batch เล็ก) จากโรงงานเก่ามายังโรงงานใหม่ซึ่งคาดว่าต้องติดตั้งเครื่องจักรใหม่มูลค่าเงินลงทุน 50 ล้านบาทโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/61 โดยจะเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานใหม่ได้อีกราว 15% ต่อปี ซึ่งจะทำให้เสียภาษีเงินได้ลดลงเนื่องจากโรงงานใหม่ได้รับสิทธิประโยชน์ BOI จนถึงปี 2567
นอกจากนี้บริษัทได้ทำสัญญาสั่งซื้อน้ำตาลหลังมีการประกาศลอยตัวของรัฐบาลส่งผลให้ต้นทุนน้ำตาลลดลง 20% (ต้นทุนน้ำตาลคิดเป็น 9% ของต้นทุนขาย) ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นราว 1.5-2.0% ด้านราคาขายบริษัทมีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มอีก 1-5% หลังจากไม่ได้ปรับขึ้นราคามากว่า 4 ปี และมีแผนขยายตลาดใหม่ไปยังประเทศออสเตรเลียเพิ่มหลังประสบความสำเร็จจากประเทศนิวซีแลนด์ และมีแผนขยายตลาดไปยังยุโรปฝั่งตะวันตกด้วยซึ่งบริษัทคาดว่าจะช่วยหนุนรายได้ให้เติบโตได้ 10% สู่ระดับ 1.04 พันล้านบาทในปี 61
อย่างไรก็ตาม คงประมาณการกำไรปี 61 ที่ 93 ล้านบาทเติบโต 57% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าปี 61 จะเป็นปีทองของ XO แม้คาดว่ารายได้จะเติบโตเพียง 10% สู่ 1.04 พันล้านบาท แต่เชื่อว่าค่าใช้จ่ายในปีนี้จะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญทั้งต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.5-2.0% จากการซื้อน้ำตาลที่ราคาถูกลง 20% และค่าใช้จ่ายในการบริหารที่จะลดลงจากไม่มีสินค้าด้อยคุณภาพ 11 ล้านบาท
อีกทั้งปันส่วนค่าเสื่อมราคาจากโรงงานใหม่ลดลง 3-5 ล้านบาทหลังใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้โรงงานใหม่จะใช้กำลังการผลิตได้ราว 50% 2โดยคาดว่าปี 61 และ 62 บริษัทจะมีกำไรราว 93 ล้านบาท และ 123 ล้านบาทเติบโต 57% และ 33% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสม 6.76 บาท โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วยวิธี PE Ratio อิง Prospective PE ที่ 26 เท่าซึ่งต่ำกว่าค่า PE เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 33 เท่าและค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอาหารในตลาด MAI ที่ 34 เท่า เนื่องจากเราใช้มุมมองอนุรักษ์นิยม โดยคาดกำไรต่อหุ้นปี 61 ที่ 0.26 บาทต่อหุ้นได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 5.46 บาทสู่ 6.76 บาท ซึ่งมี Upside 12% จากราคาปัจจุบันจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ”