HANA-KCEวอลุ่มหนา-เด้งกลับแรง! ชี้หุ้นสะท้อนข่าวสงครามการค้าสหรัฐ-จีนไปมากแล้วแนะซื้อสะสม
HANA-KCE วอลุ่มหนา-เด้งกลับแรง! ชี้หุ้นสะท้อนข่าวสงครามการค้าสหรัฐ-จีนไปมากแล้ว โบรกฯมองหากยังไม่จบ จีนอาจลดค่าเงินตอบโต้และกดดันค่าเงินเอเซียอ่อนค่า คาดเป็นบวกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แนะทยอยสะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์วิ่งคึกนำโดย HANA และ KCE โดยบริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือHANA ณ เวลา 12.02 น. อยู่ที่ระดับ 34.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 3.79% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 187.67 ล้านบาท ส่วนบริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE ณ เวลา 12.03 น. อยู่ที่ระดับ 64.50 บาท บวก 4.25 บาท หรือ 7.05% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 109.37 ล้านบาท
ทั้งนี้คาดนักลงทุนกลับมาเก็งกำไรหลังหุ้นลงแรงและหุ้นตอบรับปัจจัยลบสงครามการค้าสหรัฐ-จีนไปมากแล้ว โบรกฯชี้หากยังไม่จบ จีนอาจใช้การลดค่าเงินตอบโต้สหรัฐ นำไปสู่สงครามค่าเงินกดดันค่าเงินเอเซียกลับมาอ่อนค่า ซึ่งเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกอาหาร และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า สหรัฐฯ กลับมาต่ออายุสิทธิ GSP ให้กับ 112 ประเทศทั่วโลก รวมถึงไทยอีกครั้ง จะมีผลตั้งแต่ 22 เม.ย.2561จนถึง 31 ธ.ค.2563 โดยยกเว้นภาษีส่งออกสินค้าไปสหรัฐราว 3,400 รายการ ปี 2560 ไทยส่งออกไปสหรัฐ 2.65 หมื่นล้านเหรียญฯ คิดราว 11.2% ของตลาดส่งออกไปทั่วโลก ทั้งนี้สินค้าส่งออก 10 อันดับแรก ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐคิด 60% ของสินค้าส่งออกทั้งหมดไปสหรัฐ ได้รับสิทธิ GSP มีการขยายตัวต่อเนื่องในปี 2559
ถือว่าลดแรงกดดันต่อหุ้นส่งออกไทย แต่เชื่อว่าส่งออกไทยในปีนี้น่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอลงเทียบกับปี 2560 โดยให้น้ำหนักต่อผลกระทบจากการที่สหรัฐเดินหน้ากีดกันการค้าต่อจีน ที่จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อาทิ สินค้าเทคโนโลยี โทรคมนาคม ราว 25% และให้จีนลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐ (ยังไม่ได้กำหนดรายละเอียด) จากเดิมเก็บ 0-25% (จีนมีการนำเข้ารถยนต์ราว 8.8% ของยอดนำเข้าจากสหรัฐ) ซึ่งจะกระทบต่อไทย เนื่องจากในฐานะที่เป็นผู้ผลิตส่งออกสินค้าวัตถุดิบ กึ่งวัตถุดิบ ให้กับจีน (ไทยส่งออกรถยนต์ไปจีน ราว 4% ของสินค้าทั้งหมด) แต่ผู้ประกอบการในตลาดส่วนใหญ่ เป็นทางอ้อม
เป็นที่สังเกตว่าหุ้นชิ้นส่วนรถยนต์ของไทยที่เน้นผลิตและขายแก่ผู้ประกอบการในประเทศ อาจจะเผชิญกับผลกระทบทางอ้อม แต่เชื่อว่าราคาตลาดน่าจะตอบรับด้านลบไปแล้ว ยังชอบหุ้น AH (FV@B43) ถัดมาคือหุ้นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ HANA(FV@B46) ราคาหุ้นลดลงกว่า 36% จากระดับสูงสุด 50 บาท
เนื่องจากบริษัทมีฐานการผลิตในจีนราว 20% ของกำลังการผลิตรวม (โรงงาน IC ที่เจียซิงประเทศจีน 1273.28 ล้านชิ้นต่อปี และ โรงงาน PBCB ที่เจียซิง 63.52 ล้านชิ้น หากมองโลกในแง่ร้าย หากจีนถูกกีดกันทางการค้าและรายได้และกำไรสุทธิส่วนนี้ของ HANA(FV@B46) หายไป 20% จะทำให้กำไรสุทธิปี 2561 เหลือ 1,867 ล้านบาท หรือกำไรต่อหุ้น 2.32 บาท (จากปัจจุบัน 2.9 บาท) ทำให้ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E 14.0 เท่า (จากเดิมประมาณ 11 เท่า) น่าจะสะท้อนข่าวร้ายไปมากพอสมควร
กลยุทธ์การลงทุนน้ำหนักต่อตลาดวันนี้ ยังคงอยู่ที่สงครามการค้าสหรัฐ-จีน หากยังไม่จบ จีนอาจใช้การลดค่าเงินตอบโต้สหรัฐ นำไปสู่สงครามค่าเงิน กดดันค่าเงินเอเซียกลับมาอ่อนค่า เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออกอาหาร และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่หุ้นโลกผ่อนคลายช่วงสั้นหลังปรับฐานแล้ว 10% ปัจจัยบวกในประเทศมาจากราคาหมูพุ่งขึ้นมาที่ 62 บาทต่อ กก. สูงสุดในรอบ 10 เดือน มอง SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1740-1760 จุด…Top Picks เลือก CPF(FV@B30) และ HANA(FV@B46)
บล.เอเอสแอล Baht Depreciates – กลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท TU* (TP 21.94 บาท) CFRESH* (TP 5.7 บาท) CPF* (TP 28.11 บาท) GFPT* (TP 15.26 บาท) BR* (TP 9.5 บาท) DELTA* (TP 78.02 บาท) HANA* (TP 41.89 บาท) KCE* (TP 78.88 บาท) SVI* (TP 4.61 บาท)