PDI ยันชัดบริหารงานสุจริตไม่เอี่ยวอินไซด์หุ้น! ชี้ก.ล.ต.เชือดอดีตบอร์ดเป็นความผิดส่วนตัว
PDI ยันหนักแน่น! บริหารงานสุจริตไม่มีเอี่ยวอินไซด์หุ้น ชี้ก.ล.ต.ลงดาบอดีตบอร์ดเป็นความผิดส่วนตัว
บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI เปิดเผยข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลกทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดำเนินมาตรการลงโทษทางแพ่งกับอดีตกรรมการอิสระ
โดยชี้แจงว่า บริษัทฯไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ถือเป็นการกระทำผิดส่วนบุคคลที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปี 2559 และนายพินิต วงศ์มาศา ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระของบริษัทฯตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2560 แล้ว และเป็นเพียงที่ปรึกษาบริษัทฯ เท่านั้น โดยไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานใดๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้นายพินิต วงศ์มาศา ได้ลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาบริษัทฯแล้ว ซึ่งทาง PDI ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยการยึดมั่นในการมีหลักธรรมาภิบาล สุจริต เสมอมา และไม่สนับสนุนการกระทำผิดหรือการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมและจะดำเนินการปรับปรุงและติดตามระบบการควบคุมดูแลการใช้ข้อมูลภายในให้มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
อนึ่งก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการบริษัท ผาแดง อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ PDI คือ นายพินิต วงศ์มาศา กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น PDI ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนายชัชชลา วงศ์มาศา ซึ่งเป็นบุตรชายของนายพินิต วงศ์มาศา โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 1,917,895.83 บาท
โดย ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายพินิต วงศ์มาศา ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งกรรมการอิสระ (ปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่ง) ของ PDI ได้ทราบข้อมูลผลประกอบการของ PDI ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2559 ว่ามีกำไรสุทธิ 221.45 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อน และได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในดังกล่าวซื้อหุ้น PDI ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุตรชายคือนายชัชชลา วงศ์มาศา จำนวน 256,500 หุ้น ก่อนที่ PDI จะเปิดเผยงบการเงินไตรมาสดังกล่าวต่อประชาชนเป็นการทั่วไปผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2559
ทั้งนี้การกระทำของนายพินิต เป็นการซื้อหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน เข้าข่ายเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอก