ย้อนรอยข่าวดังต้นปี 61 “เปรมชัย ผู้ล่าเสือดำ”
ย้อนรอยข่าวดังต้นปี 61 "เปรมชัยผู้ล่าเสือดำ"
ย้อนรอยข่าวร้อนข่าวดังต้นปี 61 วันนี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จะนำเสนอประเด็นเด็ดประเด็นดังและเป็นที่กล่าวถึงต่อเนื่องกับ “คดีนายเปรมชัย ITD ล่าเสือดำ”
โดยประเด็นดังกล่าวเริ่มจากเมื่อวันที่ 4 ก.พ.61 เจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ได้เข้าตรวจสอบและจับกุม คณะของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD หลังพบว่า นายเปรมชัยและพวกได้ลักลอบตั้งที่พักแรมและล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์
ขณะเดียวกันในบริเวณที่พักแรมนั้นเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก ,อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก พร้อมทั้งอาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งาน รวมทั้งพบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูตรและคณะมาที่สำนักงานเขตฯ
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าวเพิ่มเติมในเมื่อวันที่ 5 ก.พ.61 และพบกับซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อและหนังแล้ว กับเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณที่พัก จึงส่งเรื่องให้สภ.ทองผาภูมิ เพิ่มพิจารณคดีต่อไป
โดยในวันที่ 6 ก.พ.61 นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ฯ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน พร้อมนำหลักฐานบันทึกการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา 9 ข้อหากับนายเปรมชัยและพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย
- ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- นำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
- เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ซ่อนเร้นอำพราง รับไว้ซึ่งซากสัตว์ ซึ่งได้มาโดยผิดกฎหมาย
- พ.ร.บ.อาวุธปืนที่ไม่มีทะเบียน
- ความผิดต่อ พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490
ทั้งนี้ นายเปรมชัยและพวกได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และกล่าวว่า “ตนไม่ได้เข้าไปล่าสัตว์ และอาวุธปืนที่พบไม่ใช่ของตัวเอง” พร้อมให้ทนายยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดเพื่อประกันตัววงเงินคนละ 150,000 บาท โดยศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ประกันตัวได้
ต่อมาในวันที่ 7 ก.พ. 2561 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านนายเปรมชัย ซึ่งในวันนั้นไม่พบว่านายเปรมชัยอยู่ในบ้านแต่อย่างใด โดยจากการตรวจสอบบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืน 43 กระบอก มีไรเฟิลติดลำกล้อง ซึ่งได้อายัดอาวุธปืนทั้งหมดเพื่อตรวจสอบทะเบียนการครอบครอง รวมทั้งหาดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ
รวมทั้งพบงาช้างจำนวน 4 กิ่ง จึงได้อายัดมาตรวจสอบการครอบครอง โดยภายหลังการตรวจสอบงาช้างทั้ง 4 กิ่ง พบว่า เป็นงาช้างแอฟริกา แต่จดทะเบียนเป็นงาช่างบ้าน และชื่อผู้ที่จดทะเบียนเป็นชื่อ นางคณิตา วิทยานันท์ ภรรยาของนายเปรมชัย ที่จดแจ้งขึ้นทะเบียนงาช้างกับทางกรมอุทยานฯ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จึงเรียกตัวนางคณิตา วิทยานันท์ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในวันที่ 20 มี.ค.61
ในเวลาต่อมามีคลิปเสียงปริศนาหลุดออกมา ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นคลิปเสียงของนายเปรมชัยพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ในระหว่างการจับกุมตัวซึ่งอาจจะเป็นการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายเปรมชัยจึงถูกตั้งข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่ในเวลาต่อมา
โดยในวันที่ 14 มี.ค.61 นายเปรมชัย ได้เดินทางรับทราบ 3 ข้อกล่าวหาเพิ่มเติม คือ ความผิดฐานครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ข้อหาติดสินบนเจ้าพนักงาน และในวันต่อเมื่อศาลได้อนุมัติในการประกันตัวของนายเปรมชัย
ทั้งนี้ ก่อนที่นายเปรมชัยจะถูกตั้งข้อหาเพิ่มเติมนั้น เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 61 เจ้าหน้าที่ด่านกักสัตว์ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ เข้าแจ้งความในข้อหาทารุณกรรมสัตว์กับนายเปรมชัยและพวก เพิ่มเป็นข้อหาที่ 10 แต่ได้ถอนแจ้งความไปเมื่อวันที่ 21 ก.พ.61 เนื่องจากพิจารณานิยามคำว่า “สัตว์” แล้วพบว่าไม่เข้าตามนิยามของ พ.ร.บ.การทารุณกรรมสัตว์และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 57
อย่างไรก็ตาม วันที่ 5 เม.ย.61 มีรายงานว่า พล.ต.อ. ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนยืนยันความเห็นเดิม คือสั่งฟ้องในทุกข้อหาที่แจ้งไป ยกเว้นข้อหาเดิมที่พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้อง คือ มีอาวุธปืนและข้อหาทารุณกรรมสัตว์ แม้ว่าอัยการภาค 7 มีความเห็นไม่สั่งฟ้อง 5 ข้อหา
สำหรับ 6 ข้อหา ที่อัยการภาค 7 ดำเนินการสั่งฟ้อง มีดังนี้
1.ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต
2.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต
3.ร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
4.ร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
5.ร่วมกันซ่อนเร้นซากสัตว์ป่า
6.ร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต
ส่วน 5 ข้อหา ที่อัยการภาค 7 ไม่ดำเนินการสั่งฟ้อง มีดังนี้
1.ร่วมกันเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
2.ร่วมกันนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์ หรืออาวุธใด ๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
3.ร่วมกันพยายามล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต
4.ร่วมกันกระทำทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร (พนักงานสอบสวนไม่สั่งฟ้อง)
5.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นกลุ่มอนุรักษ์กลุ่มต่างๆ รวมถึงประชาชนทั่วไปได้ออกมาแสดงความคิดเห็นและโจมตีนายเปรมชัยจนเกิดเป็นกระแสเรียกร้องให้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวกอย่างถึงที่สุด
รวมทั้งรณรงค์ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอย่างโปร่งใส ใช้มีมาตรฐานเดียวทุกคดี จนกระทั่งเกิดกระแสวาดภาพเสือดำพร้อมสัญลักษณ์สื่อความว่า ไม่มีเสียงตามจุดต่างๆ รวมถึงโพสในโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ด้วย เพื่อเป็นการเรียกร้องความยุติธรรมกับเสือดำที่ถูกนายเปรมชัยล่านั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีการเรียกร้องให้ ITD แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ รวมถึงให้หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกดดันการดำเนินงานของบริษัทนี้อย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่สังคม
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่างออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ที่ยังต้องมีกระบวนการในการพิจารณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีส่วนใดเกี่ยวข้องกับการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียน”
นอกจากนี้ จากเหตุการณ์ที่นายเปรมชัยล่าสัตว์ป่าสงวนนั้น ยังทำให้ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ขาวสอาด ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบของ ITD ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า ประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของ ศ.ดร.มิ่งสรรพ์ ที่มีผลงานวิชาการและงานวิจัยด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยตรง
ขณะที่ในปัจจุบันประเด็นดังกล่าวยังคงมีกระแสให้ถูกกล่าวถึงต่อเนื่อง เพราะกระบวนการตรวจสอบและการดำเนินคดียังไม่ถึงสิ้นสุด ดังนั้น หากกรณีดังกล่าวมีความคืบหน้า “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จะรายงานให้ทราบในเวลาต่อไป