สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 12 เม.ย. 61
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะใช้มาตรการทางทหารต่อซีเรีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมประจำเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดต่างก็สนับสนุนให้เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,189.45 จุด ร่วงลง 218.55 จุด หรือ -0.90% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,642.19 จุด ลดลง 14.68 จุด หรือ -0.55% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,069.03 จุด ลดลง 25.27 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในซีเรีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 376.18 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,293.97 จุด ลดลง 103.35 จุด หรือ -0.83% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,277.94 จุด ลดลง 29.62 จุด หรือ -0.56% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,257.14 จุด ลดลง 9.61 จุด หรือ -0.13%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งในซีเรีย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานที่ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของอังกฤษปรับตัวลงครั้งแรกรอบเกือบ 1 ปีในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,257.14 จุด ลดลง 9.61 จุด หรือ -0.13%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในซีเรียได้ส่งผลให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่า สหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้จากการที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 14.10 ดอลลาร์ หรือ 1.05% ปิดที่ 1360.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 17.2 เซนต์ หรือ 1.04% ปิดที่ 16.768 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 934.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 11.20 ดอลลาร์ หรือ 1.2% ปิดที่ 960.95 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ซึ่งรวมถึงการที่กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงริยาดของซาอุดิอาระเบียเมื่อวานนี้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ว่าสหรัฐจะยิงขีปนาวุธถล่มซีเรีย เพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดที่ได้ใช้อาวุธเคมีสังหารประชาชน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. พุ่งขึ้น 1.31 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 66.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.02 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 72.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (11 เม.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในซีเรีย รวมทั้งรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.ของสหรัฐปรับตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.91 เยน จากระดับ 107.19 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9580 ฟรังก์ จากระดับ 0.9567 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2365 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2358 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.4176 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4181 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7757 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7766 ดอลลาร์สหรัฐ