FC เร่งแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเบนเข็มสู่พลังงานทดแทน ตั้งเป้าผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์
FC เร่งแผนปรับโครงสร้างภายในเบนเข็มลุยธุรกิจพลังงานทดแทน พร้อมตั้งเป้าผลงานปีนี้เทิร์นอะราวด์
นางสาวนราวดี วรวณิชชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ด แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ FC เปิดเผยว่า ความเคลื่อนไหวของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมามีความพยายามในการปรับโครงสร้างหลายอย่างทั้งในส่วนของธุรกิจ และโครงสร้างทางการเงิน โดยมีเป้าหมายหลักคือเพื่อให้บริษัทสามารถพลิกฟื้นฐานะกิจการให้กลับมายืนหยัดอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง โดยได้วางเป้าหมายเอาไว้ว่าภายในปี 2561 นี้น่าจะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์ของบริษัทฯ
ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา FC เตรียมที่จะปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่จากเดิมที่เน้นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม อนาคตเตรียมจะมุ่งไปสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นการผนึกกำลังระหว่างกลุ่มพันธมิตรและกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่พร้อมจะผสานความร่วมมืออย่างเต็มที่ ถือเป็นการ Synergy ที่ลงตัวอย่างยิ่ง ในการนำพาองค์กรนี้ก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคง เนื่องธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นเทรนด์ของโลก และเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้และกำไร ซึ่งจะเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนการจำหน่ายไฟฟ้าในอนาคต
“ในการประชุมผู้ถือหุ้นที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นให้ดำเนินการปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ซึ่งจะเร่งทำงานตามที่กำหนดเป้าหมายไว้ทันที และภายหลังจากนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตื่นเต้นของ FC โดยเราคาดหวังว่าบริษัทฯ จะพลิกฟื้นกลับมามีกำไรโดยเร็ว สามารถล้างขาดทุนสะสมให้หมด เพื่อจะได้มีศักยภาพที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้อนาคต” นางสาวนราวดี กล่าว
นอกจากนี้ FC ได้มีการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/61 มูลค่าไม่เกิน 180 ล้านบาท อายุ 1 ปี 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2562 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.25% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและชำระเงินกู้ยืม โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 2-3 พ.ค. 61 โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่าย
อนึ่ง บริษัท เอส 14 แอดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินอิสระให้ความเห็นว่าตามที่ประชุมคณะกรรมการของ FC ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น FC เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนการรวมธุรกิจของบริษัท แผนการจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัทย่อย และแผนการขยายเวลาการใช้สิทธิขายคืน (Put Option) นั้น บริษัทฯ จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเป็นจำนวน 14,881,481,481 หุ้น มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
โดยจัดสรรให้แก่ PRGD ในราคาหุ้นละ 0.27 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,018,000,000 บาท เพื่อใช้ชำระเป็นค่าตอบแทนการโอนกิจการทั้งหมดของ PRGD ซึ่งจะส่งผลให้ PRGD มีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยถือหุ้นคิดเป็นประมาณร้อยละ 87.45 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ และภายหลังการทำรายการเรียบร้อยแล้ว PRGD จะต้องทำคำเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นรายย่อย โดยราคาการทำคำเสนอซื้อทั้งหมดของกิจการ จะมีราคาเท่ากับ 0.27 บาทต่อหุ้น
สำหรับรายการดังกล่าวมีข้อดีคือ เป็นการลงทุนที่สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัทฯ ทำให้บริษัทฯ มีรายได้และผลกำไรที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้กับบริษัทฯ อีกทั้งยังเป็นการช่วยกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนของบริษัทฯ
รวมถึงการได้มาซึ่งโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้วทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องเริ่มต้นสร้างธุรกิจดังกล่าวขึ้นมาใหม่ ช่วยให้โรงไฟฟ้า (บริษัทย่อยของบริษัทฯ) ภายใต้การดำเนินงานของ FC ภายหลังโอนธุรกิจ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุน และเป็นการลดความเสี่ยงการจากพัฒนาโครงการไม่เสร็จตามกำหนด เมื่อประเมินมูลค่ากิจการและเปรียบเทียบการออกหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯแล้ว เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มทุนจากการลงทุน
ประกอบกับเป็นการทำธุรกรรมที่ไม่ใช้เงินสดจึงไม่กระทบต่อสภาพคล่องของกิจการ โดยสรุปคือ ที่ปรึกษาฯ มีความเห็นว่า ผู้ถือหุ้นจะได้รับประโยชน์จากการทำรายการในครั้งนี้ประกอบกับการทำรายการมีความสมเหตุสมผลและราคามีความเหมาะสม