PTTEP มาตามนัด! ประกาศกำไร Q1/61 ทะลุ 1.34 หมื่นลบ. รับราคาน้ำมันดิบพุ่ง

PTTEP ประกาศกำไร Q1/61 ทะลุ 1.34 หมื่นลบ. รับรายได้กระฉูดอานิสงส์ราคาน้ำมันพุ่ง


บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/61 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 มีกำไรสุทธิดังนี้

ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน  1.23 หมื่นล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจาก รายได้จากการขายเพิ่มขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในไตรมาส 1 ปี 2561 มีขาดทุนจากอนุพันธ์ทางการเงินจำนวน 43 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 1.33 พันล้านบาท จากสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ในขณะที่ในไตรมาส 1 ปี 2560 มีกำไรจำนวน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 186 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการของ PTTEP ในไตรมาสนี้ ได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องผลักดันให้ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยสูงขึ้นกว่าร้อยละ 5 จาก41.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบในไตรมาส 4 ปี 2560 เป็น 44.01 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ

ประกอบกับความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการผลิตทำให้บริษัทสามารถรักษาระดับต้นทุนการผลิตในระดับต่ำ ที่ 29.20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสดังกล่าว เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2560 ในไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 423 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเพิ่มขึ้น 134 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือร้อยละ 46 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิ 289 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ลดลงจำนวน 59 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหลักจากผลกระทบของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ และค่าเสื่อมราคา ค่าสูญสิ้น และค่าตัดจำหน่ายลดลงจำนวน 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหลักจากปริมาณการขายที่ลดลงของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเซีย

นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจำนวน 49 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน ในขณะที่รายได้จากการขายลดลงจำนวน 41 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากปริมาณการขายที่ลดลง

 

โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ขณะนี้กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTEP พร้อมกับให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท โดยคาดผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2561 จะมีโอกาสทำกำไรสุทธิเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับงวดไตรมาสแรกคาดกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 1.35 หมื่นล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน และเพิ่มขึ้น 43% จากงวดไตรมาส 4/60 ขณะที่ทิศทางกำไรปกติไตรมาส 1/61 จะอยู่ที่ระดับ 8.97 พันล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นอีก 25% จากไตรมาส 4/60 โดยกำไรปกติที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากราคาขายเฉลี่ย (ASP) จะปรับเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 43.7 เหรียญสหรัฐ ตามราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 4/2560 มาอยู่ที่ระดับ 63.9 เหรียญต่อบาร์เรล ส่วนปริมาณขายคาดลดลงมาที่ 2.98 แสนบาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ภาพรวมงวดปี 2561 คาดการณ์กำไรจะอยู่ที่ระดับ 3.64 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 77% จากงวดปี 2560 ซึ่งมาจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยที่สูงขึ้น จึงช่วยสนับสนุนราคาขาย โดยทางฝ่ายคงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 2561 ที่ระดับ 62 เหรียญต่อบาร์เรล สูงกว่าปี 2560 ที่อยู่ระดับ 53 เหรียญต่อบาร์เรล

นอกจากนี้ กรณีที่บริษัทมีการเข้าซื้อสัดส่วนลงทุน 22.22% โครงการบงกช จากบริษัท Shell ยังทำให้ปริมาณขายปี 2561 จะเพิ่มขึ้นราว 6% หรือประมาณ 1.7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ปริมาณขายรวมที่ 3.18 แสนบาร์เรลต่อวัน ประกอบกับโครงการดังกล่าวจะผลิตก๊าซเป็นหลักและต้นทุนต่ำกว่าของเหลว ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยไม่ปรับเพิ่มขึ้นมาก

Back to top button