สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 2 พ.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ซึ่งสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า รัฐบาลสหรัฐอาจใช้มาตรการควบคุมบริษัทของจีนในการขายอุปกรณ์ด้านการสื่อสารในสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,924.98 จุด ร่วงลง 174.07 จุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,635.67 จุด ลดลง 19.13 จุด หรือ -0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,100.90 จุด ลดลง 29.81 จุด หรือ -0.42%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.63% ปิดที่ 387.44 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,802.25 จุด เพิ่มขึ้น 190.14 จุด หรือ +1.51% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,529.22 จุด เพิ่มขึ้น 8.72 จุด หรือ +0.16% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,543.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.84 จุด หรือ +0.30%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคก่อสร้างสหราชอาณาจักรดีดตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,543.20 จุด เพิ่มขึ้น 22.84 จุด หรือ +0.30%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงผลการประชุม
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,305.6 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 24.8 เซนต์ หรือ 1.54% ปิดที่ 16.375 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.04% ปิดที่ 893.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 23.90 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 960.15 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากรายงานของสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ซึ่งระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นกว่า 6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 67.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 73.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) หลังจากธนาครกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเมื่อวานนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.68 เยน จากระดับ 109.80 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9953 ฟรังก์ จากระดับ 0.9964 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2005 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1996 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3624 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3618 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสตเรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7524 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7491 ดอลลาร์สหรัฐ