สรุปภาวะตลาดต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.)
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.)
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.)
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดตลาดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 และ Nasdaq โดยได้รับปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากนักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ขานรับรายงานข่าวที่ว่าบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ของนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นของบริษัทแอปเปิลมากถึง 75 ล้านหุ้นในไตรมาสแรกของปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,262.51 จุด เพิ่มขึ้น 332.36 จุด หรือ +1.39% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,663.42 จุด เพิ่มขึ้น 33.69 จุด หรือ +1.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,209.62 จุด เพิ่มขึ้น 121.47 จุด หรือ +1.71%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) ขานรับอัตราการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2543 และยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานสหรัฐ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมองว่าสถานการณ์ตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นบ้างแล้ว หลังสหรัฐได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้ากับจีนเป็นเวลา 2 วัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.6% ปิดที่ 387.03 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,819.60 จุด เพิ่มขึ้น 129.45 จุด หรือ +1.02% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,516.05 จุด เพิ่มขึ้น 14.39 จุด หรือ +0.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,567.14 จุด เพิ่มขึ้น 64.45 จุด หรือ +0.86%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวกเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) นำโดยหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และการอ่อนค่าของเงินปอนด์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,567.14 จุด เพิ่มขึ้น 64.45 จุด หรือ +0.86%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนได้หันมาซื้อทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย.
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ 1,314.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 7.2 เซนต์ หรือ 0.44% ปิดที่ 16.519 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.70% ปิดที่ 910.3 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.45 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 957.25 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) จากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐอาจใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่ออิหร่าน โดยนักลงทุนจับตาดูท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีเวลาจนถึงวันที่ 12 พ.ค.นี้ ว่าจะถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ชาติมหาอำนาจทำไว้กับอิหร่านหรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย เพิ่มขึ้น 1.29 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 69.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 74.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (4 พ.ค.) ขานรับอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2543 และยังต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวสะท้อนถึงความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานสหรัฐ แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. ก็ตาม
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1960 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1998 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3542 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3575 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7537 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7532 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 109.12 เยน จากระดับ 109.21 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0007 ฟรังก์ จากระดับ 0.9973 ฟรังก์