AQ รับรู้ยอดโอนพุ่งดัน Q1 พลิกกำไร 22.55 ลบ. จ่อเปิดขายที่ดินใช้หนี้ KTB เริ่ม 6 มิ.ย.นี้
AQ รับรู้ยอดโอนพุ่งดัน Q1 พลิกกำไร 22.55 ลบ. จากปีก่อนขาดทุน 61.96 ลบ. จ่อเปิดประมูลขายที่ดินใช้หนี้ KTB ครั้งแรก 6 มิ.ย.นี้ ราคาเริ่มต้น 9 พันลบ.
บริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด มหาชน หรือ AQ ระบุว่า บริษัทได้แจ้งงบการเงินประจำไตรมาส 1/61 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.2561 ซึ่งผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเรียบร้อยแล้วต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 เพิ่มสูงขึ้นถึง 84.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 374% โดยไตรมาส 1/61 บริษัทมีผลกำไรสุทธิเบ็ดเสร็จรวมจำนวน 22.55 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันของปี 2560 ที่มีผลขาดทุนสุทธิเบ็ดเสร็จรวม จำนวน 61.96 ล้านบาท
ทั้งนี้เป็นผลมาจากในไตรมาส 1/61 บริษัทฯรับรู้รายได้จากการขายและบริการของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 169.399 ล้าน บาท เพิ่มขึ้นจำนวน 88.375 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 109 ซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ มีการโอนกรรมสิทธิ์บ้านและคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น ซึ่งรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์คิดเป็นร้อยละ 80 ของรายได้จากการขายและบริการ ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจำนวน 42.47 ล้านบาท มาอยู่ที่ 42.52 ล้านบาท เป็นกำไรขั้นต้นเฉลี่ยที่ร้อยละ 35
อีกทั้งบริษัทฯได้รับดอกเบี้ยจากเงินเพิ่มทุนคงเหลือที่ได้นำไปลงทุนในตั๋วแลกเงิน (B/E) ซึ่งได้รับผลตอบแทนจำนวน 25.05 ล้านบาท และมีรายได้อื่นจำนวนรวม 48.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.882 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 295.81 รวมถึงบริษัทฯมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ทำให้รายจ่ายลดลงถึง 12.24 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.39
ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทฯ เตรียม เปิดเฟสใหม่ 3 โครงการ บนทำเลศักยภาพ ตอบรับความต้องการของผู้บริโภค โดยชูจุดขาย Blue Printing Your Future บ้านที่เพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต โดยเน้นบ้านที่ให้ Function ที่มากกว่า พร้อม spec premium ตอบโจทย์ลูกค้าที่เลือกบ้านที่คุ้มค่า คุ้มราคา ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีการเติบโตที่สูงขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการขายที่ดินจำนวน 4,300ไร่ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่ธนาคารกรุงไทย ล่าสุดกรมบังคับคดีจะจัดให้มีการประมูลขายที่ดิน ณ สำนักงานบังคับคดี จังหวัดสมุทร ปราการ ครั้งแรกวันที่ 6 มิถุนายน 2561 นัดที่ 2 วันที่ 27 มิถุนายน 2561 นัดที่ 3 วันที่ 18 กรกฎาคม 2561 และนัดที่ 4 วันที่ 8 สิงหาคม 2561
โดยในการขายทอดตลาดครั้งแรกราคาเริ่มต้นเท่ากับราคาที่คณะกรรมการกรมบังคับคดีเคยประเมินไว้คือ 9,000 ล้านบาท