ราคาทองปิดวันศุกร์ปรับขึ้นหลังจีดีพีสหรัฐหดตัว-เจรจากรีซไม่คืบ

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ค.) หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวลงในไตรมาสแรก นอกจากนี้ สถานการณ์หนี้กรีซที่ยังคงไม่แน่นอนก็มีส่วนช่วยหนุนราคาทองให้ปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค.ขยับขึ้น 1 ดอลลาร์ หรือ 0.08% ปิดวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ค.) ที่ระดับ 1,189.80 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับในเดือนพ.ค. ราคาทองปรับตัวขึ้น 0.6% และเพิ่มขึ้นแล้ว 0.5% ในปีนี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 3.2 เซนต์ หรือ 0.19% ปิดที่ 16.701 ดอลลาร์/ออนซ์, สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.43% ปิดที่ 1,111.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย.ลดลง 8.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 777.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองปรับตัวขึ้น โดยพุ่งไปแตะที่ 1,194.40 ดอลลาร์ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลง 0.7% จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 0.2% เนื่องจากภาวะอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติ และการแข็งค่าของดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่อการบริโภค ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีจะหดตัว 1% ในไตรมาสแรก

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงระหว่างกรีซกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นปัจจัยสนับสนุนราคาทอง ทั้งนี้ โฆษกของนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ซิปราส เผยว่ากรีซถึงกำหนดชำระหนี้ในสัปดาห์หน้า วันที่ 5 มิ.ย. พร้อมบอกเป็นนัยว่ากรีซอาจจะหรืออาจจะไม่สามารถจ่ายหนี้งวดดังกล่าว

นักวิเคราะห์กล่าวว่า สถานการณ์กรีซกำลังสร้างความกังวลให้กับตลาดว่ากรีซอาจต้องออกจากยูโรโซน ซึ่ง ECB ได้ออกมาระบุแล้วว่าอาจนำไปสู่ภาวะไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ผลก็คือนักลงทุนได้เริ่มกลับเข้าซื้อทองคำเพราะมองว่าปลอดภัยกว่าการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างเช่นหุ้น

อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ที่แข็งค่า และการที่ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาทอง โดยนักลงทุนมองว่าข้อมูล GDP ที่ออกมาย่ำแย่อาจไม่ช่วยให้เฟดเปลี่ยนแปลงท่าทีเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ย เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสหลายรายการก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี นักลงทุนจะรอดูรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์หน้า ซึ่งถือเป็นข้อมูลชี้นำสุขภาพเศรษฐกิจสหรัฐที่เฟดติดตามอย่างใกล้ชิด ถ้าข้อมูลดังกล่าวออกมาไม่ดี ก็มีความเป็นไปได้ที่จะช่วยหนุนราคาทองให้ปรับตัวสูงขึ้น

นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นในโร้ดไอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า เธอคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หากเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มตามที่คาดการณ์ไว้ และเป็นการเหมาะสมสำหรับเฟดที่จะเริ่มดำเนินการขั้นแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

Back to top button