ดอลล์ผันผวนหลังสหรัฐเผยจีดีพี สถานการณ์กรีซยังไม่แน่นอน
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวนเมื่อเทียบสกุลเงินอื่นๆ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ค.) หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาสแรก ขณะที่สถานการณ์หนี้กรีซยังคงมีความไม่แน่นอน
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0980 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0957 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5290 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5322 ดอลลาร์สหรัฐ
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 124.06 เยน เทียบกับระดับ 123.89 เยน อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9401 ฟรังก์ จาก 0.9426 ฟรังก์ และปรับตัวขึ้นแตะ 1.2445 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2423 ดอลลาร์แคนาดา ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียขยับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7655 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7656 ดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้หดตัวลง 0.7% จากที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่าขยายตัว 0.2% เนื่องจากภาวะอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติ และการแข็งค่าของดอลลาร์ ส่งผลกระทบต่อการบริโภค
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีจะหดตัว 1% ในไตรมาสแรก และเมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสหลายรายการก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์และนักลงทุนจึงมองว่าเฟดน่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงท่าทีต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดได้กล่าวแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมซึ่งจัดขึ้นในโร้ดไอร์แลนด์เมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า เธอคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้หากเศรษฐกิจยังคงมีแนวโน้มตามที่คาดการณ์ไว้ และเป็นการเหมาะสมสำหรับเฟดที่จะเริ่มดำเนินการขั้นแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะเดียวกัน นักลงทุนกำลังจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์หนี้กรีซ โดยทั้งฝั่งกรีซและเจ้าหนี้ยังต้องเจรจาหารือกันต่อ ก่อนที่จะมีการสรุปข้อตกลงใดๆ