สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 14 พ.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทำสถิติปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 8 เมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐและจีนกำลังร่วมมือกันเพื่อเปิดทางให้บริษัท ZTE ของจีนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,899.41 จุด เพิ่มขึ้น 68.24 จุด หรือ +0.27% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,730.13 จุด เพิ่มขึ้น 2.41 จุด หรือ +0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,411.32 จุด เพิ่มขึ้น 8.43 จุด หรือ +0.11%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์การเมืองในอิตาลีอย่างใกล้ชิด หลังจากมีรายงานว่าอิตาลีเตรียมตั้งรัฐบาลผสม หลังสองพรรคการเมืองใหญ่บรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.05% ปิดที่ 392.19

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,710.98 จุด ลดลง 13.57 จุด หรือ -0.18% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,977.71 จุด ลดลง 23.53 จุด หรือ -0.18% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,540.68 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.02%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การแข็งค่าของเงินปอนด์ยังสร้างแรงกดดันต่อหุ้นของบริษัทข้ามชาติ

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,710.98 จุด ลดลง 13.57 จุด หรือ -0.18%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) ขานรับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในปีนี้ นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง อันเนื่องมาจากชาวปาเลสไตน์ได้เดินขบวนประท้วงการเปิดสถานทูตสหรัฐแห่งใหม่ในกรุงเยรูซาเลมนั้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนทั้งสัญญาน้ำมันดิบ WTI และน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดในแดนบวกด้วย

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 70.96 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 1.11 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 78.23 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 8 วันทำการ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 2.5 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,318.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 10.7 เซนต์ หรือ 0.64% ปิดที่ 16.645 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 11 ดอลลาร์ หรือ 1.19% ปิดที่ 914.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. พุ่งขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 1.1% ปิดที่ 995.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (14 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐและจีนกำลังร่วมมือกันเพื่อเปิดทางให้บริษัท ZTE ของจีนสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจอีกครั้ง หลังจากที่ถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.64 เยน จากระดับ 109.29 เยน แต่อ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0000 ฟรังก์ จากระดับ 1.0007 ฟรังก์

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1943 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1945 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ  1.3568 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3548 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7529 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7546 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button