สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 15 พ.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,706.41 จุด ร่วงลง 193.00 จุด หรือ -0.78% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,711.45 จุด ลดลง 18.68 จุด หรือ -0.68% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,351.63 จุด ลดลง 59.69 จุด หรือ -0.81%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า เศรษฐกิจเยอรมนียังคงขยายตัวในไตรมาส 1 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า การจ้างงานของอังกฤษพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีในไตรมาส 1
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น ปิดที่ 392.37 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,970.04 จุด ลดลง 7.67 จุด หรือ -0.06% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,553.16 จุด เพิ่มขึ้น 12.48 จุด หรือ +0.23% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,722.98 จุด เพิ่มขึ้น 12.00 จุด หรือ +0.16%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากความผันผวนของข้อมูลแรงงานในอังกฤษได้ช่วยลดกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินปอนด์ยังเป็นปัจจัยหนุนหุ้นบริษัทข้ามชาติดีดตัวขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,722.98 จุด เพิ่มขึ้น 12.00 จุด หรือ +0.16%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบเพื่อเก็งกำไร ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 71.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 78.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โดยสัญญาทองคำปิดในแดนลบติดต่อกัน 3 วันทำการ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดทองคำเช่นกัน
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 27.9 ดอลลาร์ หรือ 2.12% ปิดที่ 1,290.3 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 37.6 เซนต์ หรือ 2.26% ปิดที่ 16.269 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 17.7 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 897.2 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ดิ่งลง 12.50 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 983.20 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นหลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.33 เยน จากระดับ 109.64 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0019 ฟรังก์ จากระดับ 1.0000 ฟรังก์
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1850 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1943 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3510 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3568 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7473 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7529 ดอลลาร์สหรัฐ