สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 16 พ.ค. 2561
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 16 พ.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยได้รับปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก หลังจากเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 1 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ หลังจากที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,768.93 จุด เพิ่มขึ้น 62.52 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,722.46 จุด เพิ่มขึ้น 11.01 จุด หรือ +0.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,398.30 จุด เพิ่มขึ้น 46.67 จุด หรือ +0.63%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทส่งออก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเบอร์เบอร์รี่ ผู้ผลิตสินค้าหรูรายใหญ่
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 393.21 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,996.33 จุด เพิ่มขึ้น 26.29 จุด หรือ +0.20% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,567.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.38 จุด หรือ +0.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,734.20 จุด เพิ่มขึ้น 11.22 จุด หรือ +0.15%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือนเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงเบอร์เบอร์รี่ ผู้ผลิตสินค้าหรูรายใหญ่ นอกจากนี้ การที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องยังเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นบริษัทข้ามชาติ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 11.22 จุด หรือ +0.15% ปิดที่ 7,734.20 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 นอกจากนี้ สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังคงตึงเครียด รวมทั้งความเป็นไปได้ที่สหรัฐจะคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน ยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ หรือเกือบ 0.3% ปิดที่ 71.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.28 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงติดต่อกัน 3 วันทำการก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของสหรัฐปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวก
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,291.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 10.2 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 16.371 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 7.4 ดอลลาร์ หรือ 0.82% ปิดที่ 889.8 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 70 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 982.50 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในอิตาลี
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1802 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1850 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3482 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3510 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7515 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7473 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.26 เยน จากระดับ 110.33 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 1.0013 ฟรังก์ จากระดับ 1.0019 ฟรังก์