GULF ส่งซิกรายได้ปี 61 โตทะลุ 2 หมื่นลบ. เล็งทุ่ม 1.45 หมื่นลบ.ซื้อโรงไฟฟ้า SPP ในไทย

GULF ส่งซิกรายได้ปี 61 โตทะลุ 2 หมื่นลบ. เล็งทุ่ม 1.45 หมื่นลบ.ซื้อโรงไฟฟ้า SPP ในไทย กำลังการผลิต 300-400 MW คาดชัดเจนภายในไตรมาส 3/61


นายรัฐพล ชื่นสมจิตต์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการพัฒนาองค์กร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดเล็ก (SPP) ในประเทศไทยจากบริษัทนอกตลาด กำลังการผลิต 300-400 เมกะวัตต์ (MW) มูลค่าการลงทุน 450 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.45 หมื่นล้านบาท (ราคา ณ วันที่ 18 พ.ค.61) เพื่อขยายธุรกิจไฟฟ้าในไทย โดยคาดจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3 ปีนี้ นอกจากนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลในภาคใต้จำนวน 300MW ด้วย

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าเอกชนขนาดใหญ่ (IPP) ขนาด 2,500MW ใน จ.ชลบุรีนั้น คาดว่าในช่วงไตรมาส 3/61 จะเริ่มเซ็นสัญญาเงินกู้วงเงิน 50,000 ล้านบาท ระยะเวลา 23 ปี โดยจะใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็นสกุลเงินดอลลาร์และเงินบาท 50:50

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 120% จากปีก่อนมีรายได้ 9,523 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มเติม 4 โรง เฉลี่ยโรงละ 120MW จากสิ้นปีก่อนที่มี 4,773MW ในส่วนนี้คิดเป็นกำลังการผลิตตามสัดส่วนร่วมทุน 1,964MW รวมถึงบริษัทจะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเดิมที่ COD เมื่อปีก่อนได้เต็มปีในปีนี้ ส่วนแนวโน้มผลปรกอบการไตรมาส 2/61 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสแรก เนื่องจากจะรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า COD ในเดือน มี.ค. ได้เต็มไตรมาส

ส่วนแผนการลงทุนโครงการในต่างประเทศนั้น การประมูลโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในโอมาน 300MW มูลค่าการลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนมิ.ย. นี้ ซึ่งบริษัทได้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกแล้ว และมีคู่แข่งเหลืออีก 1 รายเท่านั้น เบื้องต้นสัดส่วนการลงทุน GULF จะถือหุ้น 49% และที่เหลือเป็นพันธมิตร

ขณะที่การลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ กำลังการผลิต 1,000 เมกะวัตต์ คาดจะมีความชัดเจนในไตรมาสแรกปี 62

ทั้งนี้ บริษัทมีความสนใจลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากล่าสุดได้ร่วมทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มในเวียดนามรวม 2 โครงการแล้ว โดยมองว่าเวียดนามมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะมีโครงการประกาศรับซื้อไฟฟ้าออกมากว่า 15,000 เมกะวัตต์ ทำให้บริษัทคาดหวังจะได้สัญญาขายไฟฟ้าราว 15-20% นอกจากนี้บริษัทยังสนใจลงทุนในเมียนมา,สปป.ลาว และฟิลิปปินส์

ด้านฐานะทางการเงินปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งมีความสามารถในการกู้ได้อีกมาก และยังรับรู้ส่วนแบ่งกำไรธุรกิจเฉลี่ยปีละ 2,000 ล้านบาท ซึ่งตามแผนการดำเนินงานในอนาคตถึงปี 68 บริษัทจะมีส่วนแบ่งกำไรเฉลี่ยได้ถึงปีละ 10,000 ล้านบาท

Back to top button