SKE พุ่งแรงกว่า 10% ลุ้นทะลุแนวต้าน 1.50 บ. โบรกฯคาด กำไรปีนี้โต 6.6% สู่ระดับ 79 ลบ.
SKE พุ่งแรงกว่า 10% ลุ้นทะลุแนวต้าน 1.50 บ. โบรกฯคาด กำไรปีนี้โต 6.6% สู่ระดับ 79 ลบ. ณ เวลา 14.37 น. ราคาอยู่ที่ 1.49 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 10.37% สูงสุดที่ 1.53 บาท ต่ำสุดที่ 1.35 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.83 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สากล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ SKE ณ เวลา 14.37 น. ราคาอยู่ที่ 1.49 บาท บวก 0.14 บาท หรือ 10.37% สูงสุดที่ 1.53 บาท ต่ำสุดที่ 1.35 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 17.83 ล้านบาท
ด้าน บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ (15 พ.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 1.50 บาท/หุ้น โดยแม้ช่วงไตรมาส 1/61 SKE จะมีรายได้ให้บริการทรงตัวจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ที่ระดับ 83 ล้านบาท จากปริมาณอัดก๊าซธรรมชาติที่ 610 ตัน/วัน แต่ยังมีปัจจัยกดดันจากอัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือ 42.3% จาก 44.3% ในช่วงไตรมาส 1/60 หลังมาร์จิ้นอัดก๊าซลดลงจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ปรับขึ้น
อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 38.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน หลังมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเข้าซื้อบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น บวกกับค่าเช่าสำนักงานใหม่เพิ่มขึ้น จึงกดดันให้ช่วงไตรมาส 1/61 SKE มีกำไรสุทธิ 18 ล้านบาท หดตัว 23.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
สำหรับกำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1/61 คิดเป็น 13.7% ของประมาณการทั้งปี ซึ่งต่ำเกินไป หลังมาร์จิ้นลดลงและมีค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่มขึ้น ดังนั้นเพื่อยึดหลักอนุรักษ์นิยม เราจึงขอปรับลดประมาณการกำไรลงเฉลี่ยปีละ 21.7% โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปี 2561 SKE จะมีแรงหนุนจากรายให้บริการอัดก๊าซธรรมชาติที่คาดโต 6.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ทั้งนี้ จากความต้องการใช้ NGV ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นคาดเพิ่มเป็น 43.0% จาก 42.7% ในปี 2560 หลังโรงงานอัดก๊าซได้รับปรับปรุงประสิทธิภาพในช่วงปลายปี 2560 จึงคาดหนุนให้ปี 2561 SKE จะมีกำไรสุทธิ 79 ล้านบาท โต 6.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน
ส่วนในปี 2562 คาดกำไรจะโตเด่น 38.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน หลังสถานีบริการ NGV ตามแนวท่อแบบ Ex-Pipeline ที่จ.นครสวรรค์เริ่มเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 1/62 ซึ่งคาดสร้างรายได้ราวปีละ 100 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แม้ปี 2561 คาด SKE จะมีกำไรโตไม่เด่นนักหลังต้องเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ปี 2562 คาดกำไรจะโตเด่น 38.6% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากเริ่มรับรู้รายได้จากสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ บวกกับมี Upside Risk จากธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 9.9MW (ถือหุ้น 80%) ที่จ.แพร่ (MKP)
โดยคาด COD ในช่วง 2H62 ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในประมาณการ อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 11.9% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2561 ที่ 1.50 บาท (วิธี DCF) และคาดจะกลับมาจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2561 คิดเป็น Div. Yield ราว 3.4% จึงคงแนะนำ “ซื้อ”