พาณิชย์ เผยส่งออกเดือน เม.ย. ขยายตัว 12.34% นำเข้าขยายตัว 20.36%
พาณิชย์ เผยส่งออกเดือน เม.ย. ขยายตัว 12.34% นำเข้าขยายตัว 20.36% ขาดดุลการค้า 1,283 ล้านเหรียญฯ
กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขการค้าระหว่างประเทศของไทยในเดือน เม.ย.61 โดยการส่งออก มีมูลค่า 18,945.60 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 12.34% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 20,229.0 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 20.36% ส่งผลให้ดุลการค้าขาดดุล 1,283 ล้านเหรียญฯ
โดยส่งผลให้ในช่วง 4 เดือนแรก (ม.ค.-เม.ย.) การส่งออกมีมูลค่า 81,775.1 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 11.53% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 81,101.8 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 17.18% ส่งผลให้ดุลการค้าเกินดุล 673.3 ล้านเหรียญฯ
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนเม.ย.61 ที่ขยายตัวได้ 12.34% ถือเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 โดยการส่งออกในตลาดสำคัญขยายตัวเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะตลาดอินเดีย, ตลาด CLMV, สหภาพยุโรป, ญี่ปุ่น และตลาดจีนที่กลับมาขยายตัวได้ในระดับสูง
ทั้งนี้การส่งออกสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 โดยสินค้าที่ขยายตัวสูง เช่น รถยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ, เม็ดพลาสติก และน้ำมันสำเร็จรูป ส่วนการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร กลับมาขยายตัวได้ 9.8% โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น ผัก ผลไม้สดแช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป, ข้าว, ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง, ไก่สดแช่แข็ง เป็นต้น
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกทั้งปี 61 คาดว่าจะมีโอกาสจะเติบโตได้เกินกว่าเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในตลาดศักยภาพ สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง และราคาน้ำมันที่เริ่มปรับสูงขึ้นส่งผลดีต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทั้งนี้คาดว่าจะมีการทบทวนเป้าหมายการส่งออกในปีนี้ใหม่อีกครั้งในช่วงกลางปี
“เป้าที่ 8% ณ ตอนนี้ก็เกินแล้ว แต่จะปรับขึ้นเป็นเท่าใดอยู่ในการพิจารณาของผู้ใหญ่ในระดับนโยบาย แต่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง การส่งออกอาจจะแผ่วลงบ้างซึ่งก็เป็นภาวะปกติ โดยรวมทั้งปีนี้มองว่าเกิน 8% เราขอทบทวนตัวเลขเมื่อผ่านไตรมาส 2 ไปก่อน” น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
พร้อมระบุว่า สำหรับทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอยู่เหนือระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการขยายข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC รวมทั้งอุปทานน้ำมันที่ลดลงจากปัญหาในประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอย่างเวเนซุเอลา และความกังวลต่อการคว่ำบาตรรอบใหม่จากสหรัฐฯ จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรและสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น โดยราคาส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญโดยเฉพาะข้าว มันสำปะหลัง เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ยางพารามีแนวโน้มดีขึ้นแม้ราคายังติดลบ
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าจะช่วยสนับสนุนการส่งออกในช่วงที่เหลือของปี และส่งผลดีต่อรายได้จากการส่งออกในรูปเงินบาทอีกทางหนึ่ง แต่ทั้งนี้ผู้ส่งออกควรทำประกันความเสี่ยง เพื่อลดความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงติดตามสถานการณ์การค้าอย่างใกล้ชิดเพื่อเตรียมรับมือ พร้อมทั้งหาโอกาสส่งออกสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ภายใต้สถานการณ์ทางการค้าที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา