สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 22 พ.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยืนยันว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆกับรัฐบาลจีนในการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรบริษัท ZTE ของจีน และยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่พอใจต่อผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีขึ้นที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า มีโอกาสสูงมากที่การประชุมสุดยอดระหว่างตัวเขา และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ จะไม่เกิดขึ้นในเดือนหน้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,834.41 จุด ลดลง 178.88 จุด หรือ -0.72% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,724.44 จุด ลดลง 8.57 จุด หรือ -0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,378.46 จุด ลดลง 15.58 จุด หรือ -0.21%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ หลังจากมีรายงานว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าทางการเมืองในอิตาลี หลังจากพรรคการเมืองใหญ่ของอิตาลีได้เสนอชื่อนายจูเซปเป คอนเต ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 396.94 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ม.ค.ปีนี้

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,169.92 จุด เพิ่มขึ้น 92.20 จุด หรือ +0.71% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,640.10 จุด เพิ่มขึ้น 2.59 จุด หรือ +0.05% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,877.45 จุด เพิ่มขึ้น 18.28 จุด, +0.23%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลจีนจะปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สหราชอาณาจักรมีการขาดดุลงบประมาณน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณใหม่

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 18.28 จุด หรือ +0.23% ปิดที่ 7,877.45 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง อันเนื่องมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐและจีน นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อในตลาดทองคำเช่นกัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 0.09% ปิดที่ 1,292.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 5.5 เซนต์ หรือ 0.33% ปิดที่ 16.575 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 9 ดอลลาร์ หรือ 1.00% ปิดที่ 908.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 986.80 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากสัญญาน้ำมัน WTI พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีครึ่ง อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงในกรอบแคบๆ เพราะยังคงได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สหรัฐอาจคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันจากเวเนซุเอลาและอิหร่าน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 11 เซนต์ หรือประมาณ 0.2% ปิดที่ 72.13 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 79.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 พ.ค.) โดยภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 111.00 เยน จากระดับ 111.10 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ  0.9929 ฟรังก์ จากระดับ 0.9978 ฟรังก์

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1778 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1772 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3429 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3414 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7577 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7569 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button