BGRIM ย้ายโรงไฟฟ้าวุ่น! ที่ดินจ.ราชบุรีทับซ้อนส.ป.ก. ส่อวืด 240MW

“BGRIM” งานเข้า! แผนก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โครงการ “BGPR1-BGPR2” กำลังการผลิตรวม 240MW สะดุด พัฒนาต่อไม่ได้ ต้องยื่นขอย้ายที่ตั้งไปยังนิคมฯ ที่สมุทรปราการ แทนที่เดิมนิคมฯ วี.อาร์.เอ็ม จ.ราชบุรี หลัง กนอ.ประกาศยุบเมื่อต้นปี 59 หากย้ายที่ตั้งใหม่ไม่ได้ ส่งผลลบกระทบกำลังการผลิตปี 64 จะหายไป 240MW


แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัท บี.กริม พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ได้ยื่นหนังสือต่อ กกพ. เพื่อขอย้ายพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าความร้อนร่วม จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม เพาเวอร์ ราชบุรี หรือ BGPR1 และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม บี.กริม เพาเวอร์ ราชบุรี 2 หรือ BGPR2 กำลังการผลิตรวม 240 เมกะวัตต์ (MW) ไปยังนิคมอุตสาหกรรมเอเซีย สุวรรณภูมิ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ จากเดิมที่มีการก่อสร้างในนิคมอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม ต.รางบัว จ.ราชบุรี

ทั้งนี้ เนื่องจากนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ได้ประกาศยกเลิกเขตอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม ราชบุรี หลังเกิดปัญหาพื้นที่โครงการทับซ้อนกับเขตดำเนินการของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ส่งผลให้ไม่สามารถพัฒนาพื้นที่โครงการเป็นนิคมอุตสาหกรรมได้

โดย กนอ.ได้ออกประกาศยุบเขตอุตสาหกรรม วี.อาร์.เอ็ม ตั้งแต่วันที่ 2 ก.พ. 2559 ซึ่งทาง BGRIM เพิ่งจะดำเนินการยื่นเรื่องไปยัง กกพ.ว่าการย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้าเป็นความผิดของ กนอ. จึงต้องขอย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้า ถึงแม้ว่าประกาศคณะกรรมการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยออกมาแล้วถึง 2 ปี

อย่างไรก็ตาม BGRIM ได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) โรงไฟฟ้าดังกล่าวและจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว โดยเงื่อนไขสำคัญในการทำสัญญา PPA คือ ห้ามย้ายสถานที่ตั้งโรงไฟฟ้า ประกอบกับโรงไฟฟ้ามีกำหนดจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2564 จึงมีแนวโน้มว่า BGRIM จะไม่สามารถย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้าไปพื้นที่ใหม่ได้ เท่ากับว่ากำลังการผลิตของ BGRIM จะหายไป 240 เมกะวัตต์ คิดเป็น 14% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าที่บริษัทมีอยู่ 1,700 เมกะวัตต์

 

นอกจากนี้ จากมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่ระบุว่า โรงไฟฟ้า SPP ของเอกชนที่หมดอายุ หากจะดำเนินการต่อสามารถขายไฟให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้เพียง 30 เมกะวัตต์ต่อโรงเท่านั้น ซึ่ง BGRIM มีโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 2 โรง คือ โรงไฟฟ้า อมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 2 (ABP2) และโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ (แหลมฉบัง) 1 (BPLC1) โรงละ 150 เมกะวัตต์ จะทยอยหมดอายุสัญญาซื้อขายไฟกับ กฟผ.ในปี 2562 จึงมีโอกาสที่จะไม่ได้ดำเนินการต่อค่อนข้างสูง

ดังนั้น จาก 2 ประเด็นดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้ BGRIM ประสบกับปัญหาไม่สามารถสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ได้ ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าเดิมกำลังทยอยหมดสัญญาลง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับ BGRIM ไม่น้อย เพราะทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของ BGRIM หายไปมากถึง 540 เมกะวัตต์ เหลือเพียง 1,160 เมกะวัตต์เท่านั้น

โดย “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ได้ตั้งข้อสังเกตว่า หากโรงไฟฟ้า BGPR1-2 ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างและจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ได้ทันในปี 2564 ตามกำหนดแล้วนั้น ในอนาคตจะมีการปรับลดประมาณการรายได้ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับลดราคาเป้าหมายลงหรือไม่?

โปรดติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมทางหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ฉบับวันที่.24 พฤษภาคม 25561 และโปรดติดตามการสัมภาษณ์พิเศษ นายโชติ ชูสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM. สำหรับการชี้แจงประเด็นดังกล่าว ผ่านทางรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ทีวีดิจิทัลช่อง 19 และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz.

Back to top button