S มั่นใจปีนี้พลิกกำไร-รายได้ทะลุ 4 พันลบ. เผยศึกษาพัฒนานิคมฯ-โรงงานให้เช่า

S คาดรายได้ Q2/58 ทรงตัวจาก Q1/58 มั่นใจปี 58 พลิกมีกำไร คงเป้ารายได้มากกว่า 4 พันลบ. เผยตั้งงบลงทุนปีนี้หมื่นลบ. เจรจาซื้อโรงแรม 2-3 แห่ง ชัดเจน 1 แห่งปีนี้


นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในช่วงไตรมาส 2/58 บริษัทคาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 1/58 ที่มีรายได้ 322.68 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโรงเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น อย่างไรก็ตาม ยังมีรายได้จาก เนอวานาฯ เข้ามาชดเชยในส่วนที่หายไป

โดยบริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรจากปีก่อนที่มีผลขาดทุน 250 ล้านบาท และคาดว่าจะทำรายได้มากกว่า 4 พันล้านบาทที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้และกำไรหลังจากเข้าร่วมกิจการกับ บริษัท เนอวานา ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด ตามสัดส่วนถือหุ้น 51%

ทั้งนี้เนอวานาฯ คาดว่าจะมีรายได้ปีนี้ 4 พันล้านบาทและกำไรสุทธิราว 250 ล้านบาท ทั้งนี้ S จะเริ่มบันทึกรายได้และกำไรเต็มไตรมาสในไตรมาส 3/58 รวมทั้ง จะรับรู้รายได้จากโครงการอโศกพลาซ่า และโรงแรมพีพีวิลเลจที่เพิ่งเข้าซื้อเมื่อปลายปีที่แล้วที่มีอัตราการเข้าพักสูง 97%

ขณะที่บริษัทปรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ โดยลดจำนวนลงจาก 3 โครงการ มูลค่า 1.8 หมื่นล้านบาท เหลือ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท คือโครงการคอนโดมิเนียมที่อโศก มูลค่า 4 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดขายในช่วงไตรมาส 3/58 ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอ EIA และโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาทที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบและยื่นขอ EIA โดยจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในไตรมาส 4/58 คาดแล้วเสร็จปี 60

ส่วนโครงการแนวราบย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ มูลค่าโครงการ 4 พันล้านบาทนั้น บริษัทได้ปรับแผนโดยมอบหมายให้ เนอวานาฯ เป็นผู้พัฒนาโครงการแทน เพราะมีความชำนาญในโครงการแนวราบ และคาดว่าจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ในปี 59

อนึ่ง บริษัทมีนโยบายให้มีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายประมาณ 50% และรายได้จากค่าเช่าประมาณ 50% ซึ่งจะเห็นได้จากผลประกอบการในปีนี้เป็นต้นไป

ทั้งนี้บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ 1 หมื่นล้านบาทในปีนี้ โดยส่วนหนึ่งจะใช้ในการซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรมราว 5-6 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจา 2-3 แห่ง คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีนี้อย่างน้อย 1 แห่ง มูลค่าราว 2-3 พันล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาเพื่อเข้าซื้ออาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า รวมถึงการเข้าร่วมทุนในรูปแบบเดียวกับเนอวานาฯ

นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ คือ พัฒนาโรงงานให้เช่าและนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเป็นการต่อยอดจากธุรกิจของบริษัทแม่ ซึ่งปัจจุบันบริษัทแม่มีที่ดินที่มีศักยภาพที่จะสามารถทำได้

Back to top button