“จอมทรัพย์” ยันไม่คิดเล่นเกมหุ้น โยน “ประเดช” ขาย SUPER ทิ้งเป็นเรื่องส่วนตัว
"จอมทรัพย์" ยันไม่คิดเล่นเกมหุ้น โยน "ประเดช" ขาย SUPER ทิ้งเป็นเรื่องส่วนตัว ขณะที่ราคาหุ้น SUPER ณ เวลา 11.18 น. อยู่ที่ระดับ 1.03 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 1.13 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.81 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.28 พันล้านบาท
สืบเนื่องจากเมื่อวันศุกร์ทีผ่านมา หุ้นของบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER ได้ถูกเทขายอย่างหนักจนราคารูดงไปปิดฟลอร์ที่ระดับ 1.04 บาท ลดลง 0.44 บาท หรือ 29.73% สูงสุดที่ระดับ 1.52 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.04 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.62 พันล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (4 มิ.ย.61) นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ SUPER เปิดเผย ผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ทีวีดิจิทัลช่อง 19 และสถานีวิทยุกระจายเสียงกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) FM 102 MHz. ว่า จากกรณีหุ้น SUPER ถูกเทขายอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ในมุมมองของผู้บริหารยังไม่รู้สาเหตุแน่ชัดว่าแรงขายหุ้นเมื่อวันที่ ที่ผ่านมา เกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากพื้นฐานและกระแสเงินสดของบริษัทยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก
ขณะที่ประเด็นมีการรายงานข่าวว่า นายประเดช กิตติอิสรานนท์ ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ทำการขายหุ้น SUPER ออกมานั้น นายจอมทรัพย์ ระบุว่า จากที่ได้มีการพูดคุยกันกับ นายประเดช เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายประเดช และทางครอบครัวยืนยันว่าไม่ได้มีการเทขายหุ้นออกมาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากนายประเดชทำการขายหุ้นออกมาจริงก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ถือหุ้นที่สามารถกระทำได้
สำหรับประเด็นของการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์) ยืนยันว่าสามารถตั้งได้ตามแผน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอเกณฑ์จาก ก.ล.ต.ออกมา คาดจะสามารถยื่นไฟลิ่งได้ช่วงปลายเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค. 2561 และน่าจะมีจัดตั้งกองทุนฯ ช่วงปลายเดือน ต.ค.ถึงต้นเดือน พ.ย. 2561 ได้ตามแผน ทั้งนี้ หากมีเหตุทำให้เกิดการล่าช้า ยืนยันว่าไม่กระทบธุรกิจแน่นอน
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวลือออกมาว่า การเข้าซื้อบิ๊กล็อตระหว่าง นายประเดช และ นายจอมทรัพย์ ในครั้งนี้ เป็นแผนการที่ทำให้แวดวงสังคมตลาดทุนเกิดความอยากเข้าไปซื้อหุ้นตาม เนื่องจากเป็นการซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่ากระดาน และเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ถือหุ้นสามารถขายหุ้นออกมาในราคาที่สูงตามราคาตลาดที่ปรับตัวขึ้นไป
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ระบุว่า ตนถือหุ้น SUPER และขยับซื้อเพิ่มมาตลอดตั้งแต่การเริ่มบริหารเมื่อ 13 ปี ที่แล้ว การที่จะทำราคาหรือทำให้บริษัทเสียหายเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากขณะนี้ตนถือหุ้นอยู่กว่า 5 พันล้านหุ้น ซึ่งหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาจะมีความเสียหายเป็นอย่างมาก
“ผมคิดว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เป็นการซื้อขายที่ผิดปกติเป็นอย่างมาก ซึ่งทางกลต.จะเข้าไปตรวจสอบเพื่อให้เห็นความชัดเจนทั้งหมด” นายจอมทรัพย์ กล่าว
อนึ่ง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันนี้ (4 มิ.ย.61) SUPER แจ้งข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ตามที่เมื่อวันศุกร์ที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมามีข่าวลือตามสื่อต่างๆ ในประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อราคาซื้อขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยราคาหุ้นบริษัทปิดตลาดอยู่ที่ 1.04 บาท ลดลง 0.44 บาท หรือ 29.73% นั้น บริษัทขอชี้แจงข้อเท็จจริงตามประเด็นต่างๆ ดังนี้
โดยประเด็นผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของบริษัทเทขายหุ้นของบริษัทนั้น ขณะนี้จำนวนหุ้น SUPER ที่ถือโดย 1) นายจอมทรัพย์ โลจายะ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้บริหารของบริษัท และหุ้น SUPER ที่ถือโดย 2) บริษัท แอ็ดวานซ์แอสเซท แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่นายจอมทรัพย์ โลจายะ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน รวมทั้งหุ้น SUPER ที่ถือโดย 3)บริษัท สุวินทวงศ์ โกลแอสเซท จำกัด ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 พ.ค.61 การถือหุ้นของผู้ถือหุ้นทั้ง 3 ราย จำนวน 1) 5,031,199,317 หุ้น 2) 354,023,754 หุ้น และ 3) 5,631,494,736 หุ้น ตามลำดับ ถือหุ้นบริษัทเป็นจำนวนรวม 11,016,717,807 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 40.28 ของทุนจดทะเบียน ณ วันที่ 1 มิ.ย.61 ผู้ถือหุ้นทั้ง 3 ราย มิได้มีการขายหุ้นของบริษัทออกมาแต่อย่างใด
ส่วนกรณีประเด็นการจัดตั้งกองทุนกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจุบันบริษัทยังคงดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนงานแต่อย่างใด ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ในระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลและเอกสาร ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ (BBL) ซึ่งเป็นที่ปรึกษาในการจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานให้กับบริษัท และคาดว่าจะสามารถยื่นข้อมูลและเอกสารต่างๆ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ในส่วนของการปรับปรุงหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. นั้นเมื่อวันที่ 18 พ.ค.61 ได้ครบกำหนดการรับฟังความคิดเห็นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจะได้มีการพิจารณาดำเนินการไปตามขั้นตอนของสำนักงาน ก.ล.ต. ต่อไป
ขณะที่กรณีประเด็นเรื่องความสามารถในการชำระหนี้ ซึ่งตามที่มีข่าวลือว่าบริษัทมีภาระหนี้เงินกู้จำนวนมาก และมีภาระหนี้เงินกู้ที่ถึงกำหนดชำระในปีนี้เป็นจำนวนสูงถึง 23,000 ล้านบาท แต่กระแสเงินสดรายได้จากการดำเนินกิจการมีประมาณ 6,000 ล้านบาท จึงมีไม่เพียงพอเพื่อชำระหนี้นั้น
โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดและคลาดเคลื่อนทั้งหมด เนื่องจากตามงบการเงินของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.61 บริษัทมีภาระหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี จำนวนเพียง 3,340 ล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจำนวน 23,000 ล้านบาท ตามที่เนื้อหาข่าวระบุ เป็นจำนวนเงินกู้ระยะยาวคงเหลือหลังหักส่วนที่ถึงกำหนดชำระภายใน 1 ปี และมีเงื่อนไขให้บริษัททยอยชำระคืนภายในปี 72 ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในสัญญาเงินกู้ที่มีกับสถาบันการเงิน
สำหรับกรณีเรื่องการเพิ่มทุน ทางบริษัทขอยืนยันว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายการเพิ่มทุนแต่อย่างใด นอกจากนั้นแล้ว การดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจทั้งหมด โดย ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีปัจจัยใดที่จะมากระทบฐานะทางการเงินและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทแต่อย่างใด
ขณะที่ราคาหุ้น SUPER ณ เวลา 11.18 น. อยู่ที่ระดับ 1.03 บาท ลดลง 0.01 บาท หรือ 0.96% สูงสุดที่ระดับ 1.13 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.81 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.28 พันล้านบาท