ORI ปักธงรายได้ปี 61 โตแตะ 1.5 หมื่นลบ. เล็งเปิดโครงการในพื้นที่ EEC เพิ่มขึ้น

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ในปี 61 บริษัทยังคงตั้งเป้ารายได้ ที่ระดับ 1.5 หมื่นล้านบาท จากแผนการเปิดโครงการใหม่ปีนี้รวม 14 โครงการ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการ และโครงการแนวราบ 4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท

ขณะที่ยอดขายปีนี้ตั้งเป้าที่ 2 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้แล้ว 6-7 พันล้านบาท ประกอบกับบริษัทมียอดขายรอโอน ณ สิ้นไตรมาสที่ 1/61 ราว 2.5 หมื่นล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ใน 3 ปี

ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายจากลูกค้าต่างชาติปีนี้ราว 4 พันล้านบาท หรือคิดเป็นเป็น 20% ของเป้าหมายยอดขายรวม โดยในช่วง 5 เดือนแรกทำได้แล้วราว 1-2 พันล้านบาท ซึ่งมองว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะมียอดขายเพิ่มขึ้นจากทิศทางเศรษฐกิจเติบโตดี ส่วนยอดปฏิเสธสินเชื่อปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ณ สิ้นปี 60 ที่ 30% แต่เชื่อว่าในปีนี้ยอดปฏิเสธสินเชื่อของตลาดจะลดลงมาอยู่ที่ 25%

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนรุกตลาดบ้านจัดสรรมากขึ้น โดยวางเป้าหมายใน 5 ปี (61-65) จะมีมูลค่าโครงการรวมแตะ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดโครงการบ้านจัดสรรอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 3-4 พันล้านบาท โดยจะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บน จากปีก่อนเปิดโครงการไปแล้ว 1 โครงการ มูลค่าราว 800 ล้านบาท ค่อนข้างประสบความสำเร็จ

นอกจากนี้บริษัทมีแผนขยายการเปิดโครงการไปยังเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มากขึ้น ในพื้นที่จังหวัด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง โดยตั้งเป้ามีมูลค่าโครงการใน EEC รวม 2 หมื่นล้านบาท ใน 3-4 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันมีโครงการในพื้นที่ดังกล่าวแล้วราว 5 พันล้านบาท

ขณะเดียวกันยังมองความต้องการในตลาดเช่าอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถเติบโตได้ดี ซึ่งประเทศไทยสามารถเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อในกลุ่มประเทศ AEC หรือเป็น AEC hub ได้ ซึ่งลูกค้าต่างชาติ อาทิ เวียดนามและญี่ปุ่น เริ่มเข้ามามากขึ้น

ขณะที่ลูกค้าจีนก็เข้าลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่ามากขึ้นด้วย โดยอัตราการเข้าพัก (occupancy rate) มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะที่ผลตอบแทนการเช่า (rental yield) การปล่อยเช่าคอนโดมิเนียมในต่างประเทศอยู่เพียง 1% ขณะที่ผลตอบแทนในไทยยังอยู่ในระดับ 4-6%