TOA วิ่งแรงเกือบ 6% ทุบสถิติ “ออลไทม์ไฮ” โบรกฯเล็งอัพเป้า หลังทะลุแนวต้าน 40.50 บ.
TOA วิ่งแรงเกือบ 6% ทุบสถิติ "ออลไทม์ไฮ" โบรกฯเล็งอัพเป้า หลังทะลุแนวต้าน 40.50 บ. โดย ณ เวลา 16.04 น. ราคาอยู่ที่ 42 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.66% สูงสุดที่ระดับ 42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 185.47 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ณ เวลา 16.04 น. ราคาอยู่ที่ 42 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 5.66% สูงสุดที่ระดับ 42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 185.47 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2560
ด้าน บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 พ.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 40.50 บาท/หุ้น ข้อมูลโดยรวมที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ (18 พ.ค.) อยู่ในเชิงกลางๆ คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ TOA จะเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เป็นต้นไป คาดว่ากำไรของ TOA จะโตจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นราคาขายสินค้า
พร้อมทั้งอุปสงค์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งในตลาดภูมิภาค และผลจากการที่ผู้บริโภคหันมาใช้สินค้า premium มากขึ้น ยังคงคำแนะนำถือ และให้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 40.50 บาท ทั้งนี้ อุปสงค์ในประเทศที่ดีเกินคาดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นมี upside เพิ่มขึ้น
โดยยอดขายอยู่ที่ 4,216 ล้านบาท (ลดลง 1.0% จากไตรมาสก่อน, เพิ่มขึ้น 6.7% จากปีก่อน) ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของเราที่ 4,600 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายรวมลดลง 6% จากไตรมาสก่อน ซึ่งยอดขายภายในประเทศได้รับผลทางการทดแทนในสินค้าระดับกลาง ลดลง 3% จากไตรมาส 4/60 มาที่ 32.4% แต่ยอดขายสินค้า Premium เพิ่มขึ้นจาก 30.2% ในไตรมาส 4/60 เป็น 31.8% ในไตรมาส 1/61 และผลกระทบวันหยุดเทศกาลตรุษจีนในเวียดนาม (ประมาณสองสัปดาห์)
ทั้งนี้ คาดว่าอุปสงค์สินค้า premium ในตลาดในประเทศจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มจะเลือกใช้สินค้า premium เมื่อค่าแรงเป็นค่าใช้จ่ายที่มีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับราคาสี ทั้งนี้ TOA คาดว่ายอดขายจะโต 9-10% ในปีนี้ ในขณะที่เราคาดว่าจะโตได้ถึง 11.2% (คาดว่ายอดขายในประเทศจะโต 10% และในตลาดภูมิภาคจะโต 21.7%
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของ TOA จะเพิ่มขึ้นจาก 35.3% ในไตรมาส 1/61 (34.2%/33.9% ในไตรมาส 2/60/ไตรมาส 4/60) ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่ได้รับผลจากการปรับขึ้นราคาขายเต็มไตรมาส
ทั้งนี้ ราคา Titanium dioxide(TiO2) ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการผลิต(~13% ของต้นทุนขาย) เพิ่มขึ้นมาแล้ว 4% YTD ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเราที่ 5% โดย TOA คาดว่าราคา TiO2 จะเพิ่มขึ้นอีก 3-4% ในขณะที่ราคา TiO2 ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 0.6-0.8% แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่าประเด็นนี้จะถูกชดเชยบางส่วนด้วยค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับงานก่อสร้างโรงงานในอินโดนีเซีย และกัมพูชาคืบหน้าไปตามกำหนด และคาดว่าจะเริ่ม COD ได้ในไตรมาส 3/61 และไตรมาส 1/62 ตามลำดับ คาดว่ายอดขายในประเทศอินโดเนเซียจะเติบโตขึ้นจาก 200 ล้านบาทในปี 2560 มาที่ 300 ล้านบาทในปี 2561 ในขณะที่โรงงานในเมียนมาร์จะเลื่อนกำหนด COD ไปเป็นไตรมาส 1/62 จากเดิมไตรมาส 4/61 แต่คาดว่าไม่มีผลกระทบต่อยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากโรงงานใหม่จะมาแทนที่โรงงานเก่า
อนึ่ง ข้อมูลโดยรวมที่ได้จาก TOA ทำให้ยังคงประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของ TOA เอาไว้เท่าเดิม โดยยังคงคำแนะนำถือ และให้ราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 40.50 บาท ทั้งนี้ อุปสงค์ในประเทศที่ดีเกินคาดจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หุ้นมี upside เพิ่มขึ้น