เวิลด์แบงก์ มอง GDP ไทยปีนี้โต 3.5% หลังราคาน้ำมันลดลง-ท่องเที่ยวฟื้น

เวิลด์แบงก์ มอง GDP ไทยปี 58 โต 3.5% จาก 0.9% ในปี 57 หลังราคาน้ำมันลดลง-ท่องเที่ยวฟื้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารโลกประเมินเศรษฐกิจไทยปี 58 จะขยายตัวได้ราว 3.5% จากปี 57 ที่ขยายตัวแค่ 0.9% โดยปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับลดลง การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้น และการใช้จ่ายภาครัฐฯ ขณะที่มองว่าการส่งออกจะขยายตัวขึ้นอย่างช้าๆ

ด้านน.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสประจำประเทศไทย ธนาคารโลก ประเมินว่า แนวโน้มการส่งออกของไทยปีนี้จะเติบโตได้ 0.5% ขณะที่การนำเข้าจะหดตัว 2% โดยมองว่าการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฐานต่ำในปีก่อน แต่ปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตน่าจะมาจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าหลัก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เริ่มฟื้นตัวขึ้น

ขณะที่ประเมินว่า อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีนี้คาดว่าะจอยู่ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งหากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่ามากกว่านี้ อาจจะส่งผลให้การส่งออกของไทยมีโอกาสเติบโตได้มากกว่า 0.5%

ทั้งนี้ภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะเริ่มถดถอย แต่การปรับตัวลดลงของอัตราเงินเฟ้อมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ลดลง จึงส่งผลให้ภาพรวมราคาพลังงานในประเทศที่เป็นต้นทุนสำคัญของราคาสินค้าปรับตัวลดลงตาม ดังนั้น จึงไม่ห่วงว่าการถดถอยของตัวเลข CPI จะหมายถึงการเข้าสู่ภาวะเงินฝืด

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การผลิตสินค้าของประเทศไทยในขณะนี้ยังมีปัญหาในเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะสินค้าส่งออกที่เคยเติบโตได้ดีในอดีต แต่ปัจจุบันไม่สามารถโตเช่นในอดีตที่ผ่านมา ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องกลับมาให้ความสำคัญในเรื่องประสิทธิภาพการผลิตและแรงงานของไทยให้สูงขึ้น รวมทั้งการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประเทศ และทำให้ไทยสามารถรักษาอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างยั่งยืน

Back to top button