“มนตรี”แจงก.ล.ต.เข้าตรวจสอบ”คอมพลายแอนซ์”เป็นเกณฑ์ปกติ มั่นใจระบบหลังบ้านMBKETได้มาตรฐาน

“มนตรี” แจงก.ล.ต.เข้าตรวจสอบระบบ "คอมพลายแอนซ์" เป็นเรื่องปกติ มั่นใจระบบหลังบ้าน MBKET เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน


สืบเนื่องจากกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ทำการสอบสวน นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หรือ MBKET จากกรณีที่บริษัทฯ มีระบบควบคุมความเสี่ยงภายในไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานบริษัทหลักทรัพย์ (Minimum Requirement) โดยปัญหาดังกล่าวเกิดจากงานด้านการควบคุมการทำงานของพนักงาน (Compliance) ไม่เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนที่กำหนดเอาไว้ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงทำจุดต่ำสุดระหว่างวัน (Floor)

ล่าสุด นายมนตรี เปิดเผยข้อมูลกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ในส่วนของคดีความกับอดีตผู้บริหารของบริษัทนั้น ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ และอยู่บนหลักฐานของความจริงทั้งหมด และข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่ในขณะนี้เป็นข่าวลือเท่านั้น

สำหรับกรณี ก.ล.ต.ได้มีการเข้ามาตรวจสอบบริษัทฯ นั้น เป็นการเข้ามาตรวจสอบตามเกณฑ์ปกติ แต่ขอยืนยันว่า บริษัทฯ ดำเนินการและบริหารงานอย่างมืออาชีพ มีการดูแลบัญชีลูกค้ากว่า 2 แสนบัญชีที่ดี มีการปกป้องสินทรัพย์ลูกค้า และมีระบบการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งตลอดกว่า 17 ปี ที่ตนเองบริหารงานมา ไม่มีปัญหาอะไรด่างพร้อย

“ยังไม่ทราบว่า ก.ล.ต.จะตั้งเรื่องเพื่อให้เราเข้าไปชี้แจงเพิ่มหรือไม่ แต่เราพร้อมที่จะชี้แจงเพิ่มเติม และมีหลักฐานที่จะไปแสดงให้กับทาง ก.ล.ต.” นายมนตรี กล่าว

สำหรับการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างหนักนั้นอาจเป็นผลมาจากข่าวลือหลายๆ เรื่องที่เข้ามาพร้อมๆ กัน จึงทำให้นักลงทุนตื่นตระหนก และขาดความเชื่อมั่นในระยะสั้นจนเทขายหุ้นออกมา

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่ง ปัจจัยพื้นฐานยังคงดีอยู่ ขณะที่สามารถสร้างรายได้และทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะปรับตัวลดลงไปจากปีก่อน โดยไตรมาสแรกของปีนี้บริษัทฯ ยังมีกำไรถึง 148.84  ล้านบาท  เมื่อเทียบกับในอุตสาหกรรมเดียวกัน ถือว่าบริษัทฯ ยังคงมีกำไรดีอยู่ แม้ว่าเราจะสูญเสียทรัพยากรบุคคลไปจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ก็ยังคงรักษามาร์เก็ตแชร์ได้ดีพอสมควร และจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ฝ่ายบริหารฯ ก็พยายามปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้และดำเนินธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ คือ  ธนาคารเมย์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารอันดับ 1 ของมาเลเซียยังคงให้การสนับสนุนการดำเนินงานของเราอย่างเต็มที่

“ผมขอให้นักลงทุนพิจารณาราคาหุ้น MBKET จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่ยังคงมีความแข็งแกร่ง อย่าหลงเชื่อข่าวลือ ที่ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซึ่งเชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับความตื่นตระหนกของนักลงทุนในระยะสั้นๆ เท่านั้น

โดยราคาหุ้นที่ตกมาระดับนี้ หากคิดจากปันผลรวม 1.10 บาท/หุ้น ในปี 2560 ราคาหุ้นที่ตกลงมาเหลือ 13 บาทนั้น คิดเป็น Dividend Yield ถึง กว่า 8% เลยทีเดียว  บริษัทฯ ยังคงให้บริการที่ดีให้กับลูกค้าและเป็นบริษัทฯ ที่มีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งจากธนาคารเมย์แบงก์ที่เป็นธนาคารที่มีมูลค่าตลาดสูงกว่า 8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นอันดับ 1 ของตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย จึงเชื่อมั่นได้ว่า เราจะคงยืนหยัดดำเนินธุรกิจเพื่อมอบบริการที่มีคุณภาพให้แก่ลูกค้าของเราตลอดไป” นายมนตรี กล่าว

Back to top button