ก.ล.ต.เชือดอดีตผบห.MODERN พร้อมลูกสาว ฐานอินไซด์หุ้น สั่งปรับเกือบ3ลบ.-ห้ามยุ่งตลาดฯ1ปี
ก.ล.ต.เชือด "ชัชชัย ธรรมารุ่งเรือง" อดีตผู้บริหาร MODERN พร้อมลูกสาว ฐานอินไซด์หุ้น สั่งปรับเกือบ 3 ลบ.-ห้ามยุ่งเกี่ยวตลาดฯ 1 ปี
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับกรรมการ บริษัท โมเดอร์นฟอร์มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MODERN คือ นายชัชชัย ธรรมารุ่งเรือง กรณีใช้ข้อมูลภายในขายหุ้น MODERN โดยใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของนางสาวเบญจมาศ ธรรมารุ่งเรือง โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวมกว่า 2.58 ล้านบาท
โดย ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายชัชชัยขณะนั้นดำรงตำแหน่งรองประธานกรรมการและกรรมการบริหารของ MODERN ได้ทราบข้อมูลผลการดำเนินงานเฉพาะกิจการของ MODERN จากการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริหาร ทำให้คาดการณ์ได้ว่ามีผลกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/59 จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาสก่อน
ดังนั้น นายชัชชัยจึงได้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายในดังกล่าวขายหุ้น MODERN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุตรสาวคือ นางสาวเบญจมาศ จำนวน 1.3 ล้านหุ้น ก่อนที่ MODERN จะเปิดเผยงบการเงินไตรมาสที่ 2/59 ต่อประชาชนเป็นการทั่วไปผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 15 ส.ค.2559 โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 20.34 ล้านบาท ซึ่งลดลงประมาณ 61.16% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ทั้งนี้การกระทำของนายชัชชัย เป็นการขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชน เข้าข่ายเป็นการเอาเปรียบต่อบุคคลภายนอก เป็นความผิดตามมาตรา 241 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะกระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันการกระทำดังกล่าวยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 242 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559
ขณะที่นางสาวเบญจมาศให้การช่วยเหลือสนับสนุนการกระทำผิดของนายชัชชัย ซึ่งเป็นความผิดและมีระวางโทษตามบทบัญญัติดังกล่าวประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
ดังนั้น คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาบังคับ และผู้กระทำผิดทั้ง 2 ราย ได้ทำบันทึกการยินยอมรับมาตรการลงโทษทางแพ่งและปฏิบัติตามบันทึกยินยอมดังกล่าวครบถ้วนแล้ว ดังนี้
โดย (1) นายชัชชัยชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 1,249,000 บาท และส่งคืนประโยชน์ที่พึงได้รับจำนวน 999,200 บาท รวมเป็นเงินที่ต้องชำระทั้งสิ้น 2,248,200 บาท และ (2) นางสาวเบญจมาศชำระค่าปรับทางแพ่ง จำนวน 333,333.33 บาท ซึ่งเงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่พึงได้รับจากการกระทำผิด เป็นรายได้แผ่นดินที่ ก.ล.ต. จะนำส่งกระทรวงการคลังต่อไป
นอกจากการถูกลงโทษด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว ก.ล.ต. สั่งห้ามนายชัชชัยเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 1 ปีด้วย
อนึ่ง เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2561 MODERN ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า นายชัชชัย ได้ส่งหนังสือลาออกจากตำแหน่งรองประธานกรรมการบริษัท และกรรมการบริหาร เนื่องจากมีภารกิจเพิ่มขึ้นอาจทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่กรรมการบริษัทได้เต็มที่ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.2561 เป็นต้นไป