สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร อันเนื่องมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้ปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขขาดดุลการค้าที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน หลังจากยอดส่งออกของสหรัฐทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 346.41 จุด หรือ +1.40% ปิดที่ 25,146.39 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.ปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 23.55 จุด หรือ +0.86% ปิดที่ 2,772.35 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 51.38 จุด หรือ +0.67% ปิดที่ 7,689.24 จุด

 

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากนายปีเตอร์ แพรท สมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า คณะกรรมการ ECB อาจพิจารณาปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า

ดัชนี Stoxx Europe 600 ขยับลง 0.01 จุด ปิดที่ระดับ 386.88 จุด

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,457.56 จุด ลดลง 3.39 จุด หรือ -0.06% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,830.07 จุด เพิ่มขึ้น 42.94 จุด หรือ +0.34% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,712.37 จุด เพิ่มขึ้น 25.57 จุด หรือ +0.33%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มพลังงาน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่ม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์และวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ที่ประเทศแคนาดา

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,712.37 จุด เพิ่มขึ้น 25.57 จุด หรือ +0.33%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 80 เซนต์ หรือ 0.06% ปิดที่ 1,301.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 15.1 เซนต์ หรือ 0.91% ปิดที่ 16.694 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.7% ปิดที่ 907.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 29.50 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที้ 1015.20  ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือนเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบ และการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในเดือนนี้ โดยที่ประชุมจะมีการทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก และผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. ร่วงลง 79 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 64.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 เม.ย.ปีนี้

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 75.36 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 มิ.ย.) หลังจากสมาชิกคณะกรรมการบริหารของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณว่า ECB จะพิจารณาลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1769 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1714 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3410 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3393 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7663 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ  0.7615 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.19 เยน จากระดับ 109.74 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9859 ฟรังก์ จากระดับ 0.9846 ฟรังก์

 

Back to top button