สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 7 มิ.ย. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สองเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นแมคโดนัลด์ หลังจากบริษัทประกาศแผนปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งรวมถึงการลดจำนวนพนักงาน อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ฉุดดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่ม G7 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศแคนาดาในวันนี้ รวมทั้งการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,241.41 จุด เพิ่มขึ้น 95.02 จุด หรือ +0.38% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,770.37 จุด ลดลง 1.98 จุด หรือ -0.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,635.07 จุด ลดลง 54.17 จุด หรือ -0.70%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและสันทนาการ ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมกลุ่ม G7 จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้ พร้อมกับจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.24% ปิดที่ 385.94 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,811.05 จุด ลดลง 19.02 จุด หรือ -0.15% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,448.36 จุด ลดลง 9.20 จุด หรือ -0.17% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,704.40 จุด ลดลง 7.97 จุด หรือ -0.10%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลงเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้รับปัจจัยกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มค้าปลีก และเงินปอนด์ที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานช่วยหนุนตลาดในระหว่างวัน
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,704.40 จุด ลดลง 7.97 จุด หรือ -0.10%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า เช่นหุ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.12% ปิดที่ 1,303.00 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 12.1 เซนต์ หรือ 0.72% ปิดที่ 16.815 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 7.3 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 900.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 5.60 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 1009.60 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจากมีรายงานว่า ปริมาณการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลาร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากมาตรการคว่ำบาตรและวิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิตในการประชุมเดือนนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.9% ปิดที่ 65.95 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.96 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 77.32 ดอลลาร์/บาร์เรล
สกุลเงินยูโรยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 มิ.ย.) หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB อาจส่งสัญญาณปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมสัปดาห์หน้า
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1808 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1769 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3426 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3410 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7620 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7663 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.73 เยน จากระดับ 110.19 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9803 ฟรังก์ จากระดับ 0.9859 ฟรังก์