ADVANC ลังเลเข้าประมูลคลื่น 1800 MHz หวั่นเสียโอกาสทางธุรกิจ จับตาบอร์ดหาข้อสรุปวันนี้!

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และ กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กำหนดเปิดให้ยื่นขอรับใบอนุญาตการประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz ในวันพรุ่งนี้ (15 มิ.ย.61) เวลา 8.30-16.30 น. โดยก่อนหน้านี้ บริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ได้แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า คณะผู้บริหารได้พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า บริษัทฯ ไม่ควรเข้าร่วมการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 1800 MHz หลังจากมองว่าปริมาณคลื่นความถี่ที่ทรูมูฟ เอช มีอยู่ในปัจจุบันที่มีมากถึง 55 MHz ยังมากเพียงพอที่จะรองรับจำนวนลูกค้าที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว

ประเด็นดังกล่าว จึงส่งผลให้เป็นที่น่าจับตาว่าจะมีผู้ประกอบการรายใดเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้หรือไม่ โดยหากมีผู้เข้าร่วมไม่ถึง 2 ราย จะส่งผลให้การประมูลถูกยกเลิก เนื่องจากการใช้กฎ N-1 ของกสทช.

ล่าสุด ในวันนี้แหล่งข่าวจากบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC หรือ เอไอเอส  เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอนว่าจะเข้าร่วมประมูลคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ในครั้งนี้หรือไม่ โดยคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปภายในวันนี้ (14 มิ.ย.61) ทั้งนี้ หากพิจารณาความจำเป็นที่ต้องการคลื่นความถี่ย่าน 1800 MHz ก็ไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม หากไม่เข้าประมูลก็เกรงว่าจะเสียโอกาสทางธุรกิจ

โดย ปัจจุบัน ADVANC มีคลื่นความถี่ในมือ 55 MHz จากใบอนุญาต 2100 MHz จำนวน 15 MHz ซึ่งประมูลมาด้วยราคา 14,625 ล้านบาท อายุ 15 ปีนับจากปี 55 , ใบอนุญาต 1800 MHz จำนวน 15 MHz ประมูลมาด้วยราคา 40,986 ล้านบาท อายุใช้งาน 18 ปีสิ้นสุดปี 76 ,ใบอนุญาต 900 MHZ จำนวน 10 MHz ประมูลในราคา 75,654 ล้านบาท อายุใช้งาน 15 ปีถึงปี 74 รวมคลื่น 2100 MHz จาการเป็นพันธมิตรกับ บมจ.ทีโอที จำนวน 15 MHz ใช้งานได้ถึงปี 68 โดยมีค่าใช้จ่ายปีละ 3,900 ล้านบาท ทั้งนี้ โครงข่ายมีทั้ง 4G/3G/2G ครอบคลุม 98% ของจำนวนประชากร

ขณะที่ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัท ADVANC เพื่อตัดสินใจว่าจะเข้าหรือไม่เข้าร่วมประมูลเมื่อ 12 มิ.ย.61 ที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุป และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 15 มิ.ย.61 เวลา 7.00 น.โดยประเมินในกรณีที่ไม่มีผู้เข้าร่วมประมูลเลย กสทช.ต้องกลับไปทำร่างประมูลใหม่ ซึ่งต้องใช้เวลาอีก 1 ปี โดยมีความเป็นไปได้ที่จะปรับหลักเกณฑ์ให้เอื้อต่อผู้ประกอบการมากขึ้น