น้ำมันดิบปิดวานนี้ปรับลงหลังสหรัฐผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 มิ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังไม่ออกมาส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดโควต้าการผลิตน้ำมันในการประชุมวันศกร์นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.62 ดอลลาร์ ปิดวานนี้ (3 มิ.ย.) ที่ 59.64 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ค.ลดลง 1.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 63.8 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ค. เพิ่มขึ้น 20,000 บาร์เรล สู่ระดับ 9.586 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ ยังไม่มีสมาชิกประเทศใดของกลุ่มโอเปกออกมาส่งสัญญาณว่า โอเปกจะลดโควต้าการผลิตในการประชุมวันศุกร์นี้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนในระหว่างวัน หลังจาก EIA ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 พ.ค.ลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 477.4 ล้านบาร์เรล จากที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.6 ล้านบาร์เรล
สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน ลดลง 983,000 บาร์เรล สู่ระดับ 59.0 ล้านบาร์เรล ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 334,000 บาร์เรล สู่ระดับ 220.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค.2014 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 100,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 132.6 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สำหรับอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันลดลง 0.4% ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3%