BCPG ควักเงิน 825 ลบ. ฮุบโรงไฟฟ้าพลังงานลมปากพนัง สยายปีกสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน
BCPG ควักเงิน 825 ลบ. ฮุบโรงไฟฟ้าพลังงานลมปากพนัง กำลังผลิต 10MW สยายปีกสู่ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน คาดเริ่ม COD ปลายปี 2561
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า ตามมติคณะกรรมการเมื่อวันที่ 17 เม.ย.61 อนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมกำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ (MW) ที่อำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช โดยการเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท ลมลิกอร์ จำกัด จากนายสุเมธ สุทธภักติ ซึ่งผู้ขายไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงของบริษัท โดยมีวงเงินลงทุนรวมค่าหุ้นและค่าก่อสร้างไม่เกิน 825 ล้านบาท
โดยเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.61 บริษัทและผู้ขาย ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหุ้นครบถ้วน และบริษัทได้รับโอนหุ้นจากผู้ขายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ด้านนายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ BCPG เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในสิ้นปี 2561
โดยการลงทุนของบริษัทในครั้งนี้ ถือเป็นการขยายธุรกิจการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่น ๆ ภายในประเทศนอกเหนือไปจากพลังงานแสงอาทิตย์ และเป็นการลงทุนในธุรกิจพลังงานลมในไทยเป็นครั้งแรกในฐานะผู้ดำเนินกิจการ หลังจากร่วมลงทุนในบริษัท เพโทรวินด์ เอเนอร์ยี จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตรวม 50 เมกะวัตต์ เมื่อช่วงไตรมาสที่ 2/60
“ผมมั่นใจว่าการลงทุนในโครงการนี้จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจ โดยบริษัทจะขายไฟฟ้าได้ประมาณหน่วยละ 7 บาทจากการได้รับส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) ในอัตรา 3.50 บาทต่อหน่วย จากราคาค่าไฟฐาน เป็นระยะเวลา 10 ปี นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีในการขยายฐานธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศ เป็นการเสริมสร้างความรู้ความชำนาญของบีซีพีจีในการดำเนินการธุรกิจพลังงานลม” นายบัณฑิต กล่าว
ส่วนโครงการลมลิกอร์ ตั้งอยู่ในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีความเร็วลมสูง เหมาะแก่การตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานลม อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองต่อความต้องการใช้พลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลดีต่อประเทศชาติในภาพรวม โดยการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้ คำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนและผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ รวมถึงการดูแลชุมชนในพื้นที่ ระบบนิเวศ วิทยาและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนของบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทยังคงขยายธุรกิจโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ก็กำลังเข้าสู่การทำธุรกิจกับลูกค้ารายย่อยด้วยการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการบริหารจัดการซื้อขายไฟฟ้าจากการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนได้มากขึ้น สร้างความเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้านนายสุเมธ สุทธภักติ ในฐานะผู้ริเริ่มและพัฒนาโครงการเดิม เปิดเผยว่า มั่นใจว่าบีซีพีจีในฐานะผู้นำด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้ที่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศทั้งในด้านการทำธุรกิจและการบริหารจัดการอย่างมีการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงการมีสถานะการเงินที่มั่นคง จะเสริมนวัตกรรมต่อยอดโครงการลมลิกอร์และสามารถนำผลที่ได้ไปพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด