PYLON แกร่งกว่าตลาด ลุ้นกำไร Q2 ทำนิวไฮ ชู Backlog สูงรองรับรายได้แล้ว 90%
PYLON ราคาอยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.97% โบรกฯ มองแนวโน้มอุตสาหกรรมยังคงสดใสและมีงานออกมาอย่างต่อเนื่องจาก โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 11 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON ณ เวลา 11.04 น. ราคาอยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.97% สูงสุดที่ 10.50 บาท ต่ำสุดที่ 10.20 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 24.43 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.35%
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ ว่ายังคงมองว่าราคาหุ้น PYLON ยังคงไปต่อได้จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ยังคงสดใสและมีงานออกมาอย่างต่อเนื่องจากทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐฯ และภาคเอกชน ประกอบกับ backlog ที่แข็งแกร่ง จึงมีความมั่นใจต่อประมาณการกำไร และด้วยงานในมือที่พร้อมรับรู้รายได้ในไตรมาส 2/58 นี้ราว 350-390 ล้านบาท
ประกอบกับงานเก่าในบริษัทลูกซึ่งมีกำไรน้อยหรือขาดทุนเริ่มหมดลง คาดอัตรากำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี และยังมีปัจจัยบวกจากการย้ายเข้าเทรดใน SET ซึ่งราคาหุ้นมีแนวโน้มที่จะ re-rate PE ขึ้น ราคาหุ้น PYLON ปัจจุบันซื้อ-ขาย บน PE เพียง 16.6x (เทียบกับกลุ่มที่ 20-25 เท่า)
อีกทั้งยังมองว่างานรากฐานจะยังมีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานภาคเอกชน เช่น งานคอนโดของ AP จำนวน 6 โครงการ คาดมูลค่าราว 150-200 ล้านบาท ซึ่ง PYLON เป็นผู้รับเหมาเจ้าประจำ คาด PYLON จะได้รับงานดังกล่าวและหนุนให้มี backlog รองรับ 100% และเรามองว่าภาพอุตสาหกรรมยังคงดีอยู่ด้วยงานที่จะออกมาในช่วงครึ่งหลังของปี 58 ได้แก่ งานรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-คูคต) มูลค่าราว 2,100 ล้านบาท (ยังไม่รวมในประมาณการ) และยังมีงานรากฐานโครงการบริหารจัดการน้ำคาดรับงานต่อจากผู้รับเหมารายใหญ่ที่ได้รับงานไปก่อนหน้า (คาดมูลค่าราว 400 ล้านบาท) และโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่มีแนวโน้มจะออกมาประมูลเร็วๆนี้ยังเป็นปัจจัยหนุนให้แนวโน้มปี 59 ยังสดใส
โดยปัจจุบันบริษัทมี backlog รวม 809 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนที่จะรับรู้รายได้ภายในปี 58 นี้ ราว 760 ล้านบาท คิดเป็น 90% ของประมาณการรายได้ทั้งปีของเรา ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูงมาก (สำหรับธุรกิจงานฐานราก) พอที่จะทำให้เรามั้นใจได้ว่ารายได้ในปี 2015 นี้จะเป็นไปตามประมาณการของเรา โดยเราคงประมาณการรายได้ในปี 58-59 และคาดกำไรสุทธิที่ 225 และ 256 ล้านบาท เติบโต 14% CAGR 2014-16
ทั้งนี้คาดว่ากำไรไตรมาส 2/58 มีแนวโน้มสร้างจุดสูงสุดใหม่หลังจากทำ new high ไปแล้วในไตรมาส 1/58 อิงจากงานในมือที่อยู่ระหว่างการรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/58 นี้ราว 350-390 ล้านบาท โดยในไตรมาสนี้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มดีขึ้นเนื่องจากงานในบริษัทลูกซึ่งมาร์จิ้นต่ำหรือขาดทุนใกล้หมดลงซึ่งมีเหลือเพียง 5 ล้านบาท เท่านั้น โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 11 บาท