TOA ร่วงหนัก 4% กังวลรายได้ปี 61 ต่ำคาดหลังกำลังซื้อไม่ฟื้น

TOA ร่วงหนัก 4% กังวลรายได้ปี 61 ต่ำคาดหลังกำลังซื้อไม่ฟื้น โดยล่าสุด ณ เวลา 10.08 น. อยู่ที่ระดับ 38.25 บาท ลบ 1.75 บาท หรือ 4.38% สูงสุดที่ระดับ 38.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 37.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 59.04 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ณ เวลา 10.08 น. อยู่ที่ระดับ 38.25 บาท ลบ 1.75 บาท หรือ 4.38% สูงสุดที่ระดับ 38.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 37.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 59.04 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น TOA ปรับตัวลดลงแรงวันนี้ หลังมีการรายงานข่าววานนี้ (20 มิ.ย.61) ว่า รายได้ของบริษัทในปี 2561 จะออกมาต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 10% เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังฟื้นตัวไม่ดีนัก จึงคาดว่าปัจจัยดังกล่าวทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลจนเทขายทำกำไรออกมาส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงดังกล่าว

อนึ่งวานนี้ นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TOA เปิดเผยว่า ยอมรับรายได้ปีนี้เติบโตต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 10% แต่ยังเป็นการเติบโตตัวเลขหลักเดียวในระดับสูง เพราะในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจและกำลังซื้อยังไม่ได้ฟื้นตัวตามที่คาดการณ์ไว้ แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการออกสินค้าใหม่เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น รวมถึงการทำกลยุทธ์ทางด้านราคาเพื่อกระตุ้นการซื้อมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้ บริษัทยังคงยืนยันเป้าหมายที่จะรักษาระดับอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA Margin) ในปีนี้ที่ราว 18.5% จากสิ้นปี 60 อยู่ที่ 15.5% เป็นไปตามยอดขายที่เติบโต ประกอบกับบริษัทได้มีการปรับราคาขายสินค้าสูงขึ้นเพื่อให้สะท้อนกับต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 1/61 บริษัทฯมีการปรับขึ้นราคาขายไปแล้วราว 5%

อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าทั้งปีจะมีการปรับราคาสินค้าขึ้นมากน้อยเพียงได เนื่องจากยังต้องติดตามการปรับตัวขึ้นของราคาวัตถุดิบก่อน หากปรับตัวขึ้นมากกว่านี้บริษัทฯก็มีโอกาสที่จะปรับราคาขายสินค้าขึ้นเพื่อสะท้อนราคาต้นทุน

นอกจากนี้บริษัทฯยังคงต้องติดตามสถานการณ์ของสงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีน และสหรัฐฯ ว่าจะมีผลกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง โดยต้องใช้ระยะเวลาราว 2 สัปดาห์ – 1 เดือน จึงจะประเมิณผลกระทบได้อย่างชัดเจน

ขณะที่แผนการขยายตลาดในต่างประเทศ บริษัทตั้งเป้าที่จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 13% โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตสี 3 แห่ง ในประเทศอินโดนีเซีย เมียนมา และกัมพูชา ใช้งบลงทุนรวมกว่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งโรงงานทั้ง 3 แห่ง คาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 และไตรมาส 1/62 ตามลำดับ เพื่อที่จะรองรับการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการส่งสินค้าไปจำหน่ายมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

Back to top button