“ฟิทช์”ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ GPSC หลังมีแผนเข้าซื้อหุ้น GLOW
“ฟิทช์”ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ GPSC หลังมีแผนเข้าซื้อหุ้น GLOW
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบแก่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิที่ ‘A+(tha)’ ของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC
การประกาศเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบเกิดขึ้นเนื่องจาก GPSC ได้ประกาศที่จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท โกลว์ พลังงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ในสัดส่วนร้อยละ 69.11 ของหุ้นทั้งหมดของ GLOW และทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 141.2 พันล้านบาท โดยในช่วงแรกบริษัทจะใช้เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 142.5 พันล้านบาท ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งเงินกู้ดังกล่าวจะครบกำหนดชำระคืนหนึ่งปีหลังจากวันที่เข้าซื้อขาย สำหรับการเข้าซื้อหุ้นและแผนการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นยังต้องผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ GPSC และต้องได้รับการอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
การเข้าซื้อกิจการกระทบฐานะการเงิน: เครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบสะท้อนถึงการคาดการณ์ของฟิทช์ว่าสถานะทางการเงินของ GPSC จะอ่อนแอลง เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินที่อาจเพิ่มขึ้นเกินกว่าระดับที่เหมาะสมกับอันดับเครดิตของบริษัทที่ ‘A+(tha)’ ฟิทช์จะพิจารณาอันดับเครดิตของ GPSC และยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ เมื่อการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และโครงสร้างเงินทุนระยะยาวที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการ และสถานะทางการเงินของบริษัทหลังจากการเข้าซื้อกิจการมีความชัดเจนมากขึ้น การเข้าซื้อกิจการน่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นภายใน 6 เดือน แต่บริษัทอาจต้องใช้เวลาสำหรับการดำเนินการตามแผนการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นที่วางไว้
บริษัทมีแผนในการจัดหาแหล่งเงินทุนในการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น ซึ่งประกอบการออกหุ้นกู้และการเพิ่มทุน ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทในระยะยาว ดังนั้นการพิจารณายกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบอาจใช้เวลานานกว่า 6 เดือน ซึ่งนานกว่าในกรณีทั่วไป
การพิจารณาสถานะทางเครดิต: ในการพิจารณายกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบ ฟิทช์จะพิจารณาถึงสถานะทางธุรกิจของบริษัทที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นหลังจากการเข้าซื้อกิจการ ในการพิจารณาแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการชำระคืนเงินกู้ระยะสั้นในส่วนที่ได้จากกระแสเงินสดรับที่ไม่ได้มาจากการกู้ยืม โดยเฉพาะในส่วนของการเพิ่มทุน ฟิทช์จะพิจารณาเฉพาะในกรณีที่กระแสเงินสดที่จะเข้ามาที่มีความแน่นอนเท่านั้น
นอกจากนี้ฟิทช์จะพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่าง GPSC และบริษัทแม่ซึ่งได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. (ได้รับการจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)ซึ่ งเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยรวมถึงการสนับสนุนเพิ่มเติมพิเศษ และความสัมพันธ์ด้านการดำเนินงาน และกลยุทธ์ของกลุ่ม ปตท.
การกระจายตัวของสินทรัพย์ที่มากขึ้น: ฟิทช์เชื่อว่าการเข้าซื้อกิจการจะทำให้สถานะทางธุรกิจของ GPSC ดีขึ้น เนื่องจากขนาดของธุรกิจที่ใหญ่ขึ้น และการกระจายตัวด้านสินทรัพย์และด้านภูมิศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น GPSC จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 4,425 เมกกะวัตต์ และ 2,718 ตันต่อชั่วโมง จาก 1,530 เมกกะวัตต์ และ 1,512 ตันต่อชั่วโมง ณ สิ้นปี 2560 ตามลำดับ
โดยกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทเมื่อคิดเป็นสัดส่วนกับกำลังผลิตทั้งหมดของประเทศ จะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนร้อยละ 10 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 4 และกลายเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่อันดับที่ 2 ของประเทศ จากปัจจุบันอยู่อันดับที่ 6 นอกจากนี้ GPSC กำลังพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าและไอน้ำเพิ่มเติมจำนวน 410 เมกกะวัตต์ และ 73 ตันต่อชั่วโมง ตามลำดับ
คุณภาพสินทรัพย์ที่ยังคงแข็งแกร่ง: ฟิทช์คาดว่าคุณภาพสินทรัพย์ของ GPSC จะยังคงแข็งแกร่งหลังจากการเข้าซื้อกิจการ เนื่องจากโรงไฟฟ้าของ GLOW เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมไฟฟ้าของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล โดยรายได้ของ GLOW ส่วนใหญ่มาจากสัญญาการขายไฟฟ้า และไอน้ำ กับลูกค้าซึ่งมีสถานะทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งประกอบด้วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. และบริษัทร่วมของ ปตท. สัญญาการขายไฟฟ้าและไอน้ำ ดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงในด้านปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยลูกค้าต้องรับซื้อไฟฟ้าและไอน้ำ ในระดับขั้นต่ำของกำลังการผลิตตามสัญญา
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
GPSC ณ ปัจจุบันที่ยังไม่รวมการเข้าซื้อกิจการของ GLOW มีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งเมื่อเปรียบเทียบกับ บริษัทที่ฟิทช์ได้จัดอันดับเครดิตภายในประเทศ โดยบริษัทมีความสม่ำเสมอของกำไรและกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ใกล้เคียงกันกับ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘A+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานในสนามบินหลักของประเทศไทย
โดยทั้งสองบริษัทนี้มีกำไรที่มีความสม่ำเสมอเนื่องจากการแข่งขันที่ต่ำ และในกรณีของ GPSC ที่มีสัญญาซื้อขายกับลูกค้าระยะยาว อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ GPSC อยู่ในระดับที่ดีกว่า BAFS อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ BAFS ได้พิจารณาถึงสถานะทางการเงินที่จะดีขึ้นตามลำดับหลังจากการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทแล้วเสร็จ
สมมุติฐานที่สำคัญ
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการเงินที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการจำนวน 141.2 พันล้านบาท โดยคาดว่าผู้ถือหุ้นของ GLOW จะรับคำเสนอซื้อทั้งหมด รายได้ของ GLOW อยู่ที่ 4.8-4.9 หมื่นล้านบาท ต่อปี ในช่วงปี 2561 และ 2562 (ปี 2560 อยู่ที่ 5.1 หมื่นล้านบาท)
กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ GLOW อยู่ที่ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท ต่อปี ในช่วงปี 2561 และ 2562 (ปี 2560 อยู่ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท)
ประมาณการงบการเงินรวมของ GPSC ได้ถูกปรับโดยใช้วิธี Proportionate Consolidation ทั้งในส่วน รายได้, กระแสเงินสด, เงินสด และหนี้ของ บริษัท ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กที่มีกำลังการผลิต 240 เมกกะวัตต์ โดย GPSC ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 51
โครงการการเปลี่ยนของเสียให้เป็นพลังงานไฟฟ้า (เฉพาะส่วนการผลิตเชื้อเพลิง) และการขยายกำลังการผลิตของโรงผลิตสาธารณูปโภค เริ่มดำเนินงานในปี 2561 และ 2562 ตามลำดับ
เงินปันผลรับจากบริษัทย่อย และบริษัทร่วมที่ประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อปี ในปี 2561 และปี 2562 (2560: 564.5 ล้านบาท)
เงินลงทุนจำนวน 5.3 พันล้านบาท ในปี 2561 และ 1.4 พันล้านบาทในปี 2562 และเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยจำนวน 1.2 พันล้านบาทในปี 2561 และ 870 ล้านบาทในปี 2562 จ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวกปัจจัยที่ทำให้ฟิทช์ยกเลิกเครดิตพินิจแนวโน้มเป็นลบและคงแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ประกอบด้วย การเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และโครงสร้างเงินทุนระยะยาวที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการ และสถานะทางการเงินของบริษัทหลังจากเข้าซื้อกิจการมีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ GPSC สามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO-Adjusted Net Leverage) อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตปัจจุบัน
ปัจจัยลบโครงสร้างเงินทุนของบริษัทหลังจากเข้าซื้อกิจการซึ่งส่งผลให้ FFO-Adjusted Net Leverage สูงขึ้นเกินกว่าระดับปัจจุบันอย่างมากอย่างต่อเนื่อง สถานะทางการเงินของ GPSC ที่อ่อนแอลงเมื่อพิจารณาเทียบกับความเสี่ยงด้านธุรกิจหลังจากการเข้าซื้อกิจการ และอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิอาจถูกปรับลด หากอัตราส่วน Secured Debt to EBITDA ของ GPSC เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับสูงกว่า 2 เท่าอย่างต่อเนื่อง
สภาพคล่อง สภาพคล่องของ GPSC มีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นปี 2560 บริษัทมีเงินสดจำนวน 4 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอสำหรับหนี้ที่ครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 990 ล้านบาท นอกจากนี้สภาพคล่องสำหรับการก่อสร้างโครงการใหม่น่าจะได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินสดจากการดำนเนินงานที่แข็งแกร่งและวงเงินที่สามารถเบิกกู้ได้จำนวน 6.5 พันล้านบาท โดยบริษัทจะใช้เงินกู้ระยะสั้นจำนวน 142.5 พันล้านบาท ในการเข้าซื้อกิจการของ GLOW