สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 2 ก.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีดตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นในกลุ่ม FAANG (เฟซบุ๊ก แอปเปิล อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล) หลังจากมีการคาดการณ์ว่าผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีจะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 2 ปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตเดือนมิ.ย. อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,307.18 จุด เพิ่มขึ้น 35.77 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,726.71 จุด เพิ่มขึ้น 8.34 จุด หรือ +0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,567.69 จุด เพิ่มขึ้น 57.38 จุด หรือ +0.76%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากสหภาพยุโรป (EU) ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานที่ว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมิ.ย.ของยูโรโซนปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดรอบ 18 เดือน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.8% ปิดที่ 376.75 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,238.17 จุด ลดลง 67.83 จุด หรือ -0.55% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,276.76 จุด ลดลง 46.77 จุด หรือ -0.88% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,547.85 จุด ลดลง 89.08 จุด หรือ -1.17%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้าซึ่งรวมถึงจีน และสภาพยุโรป (EU)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,547.85 จุด ลดลง 89.08 จุด หรือ -1.17%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% เมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ส่งผลให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดน้อยลง นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังทำให้นักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 12.80 ดอลลาร์ หรือ 1.02% ปิดที่ 1,241.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 36.3 เซนต์ หรือ 2.24% ปิดที่ 15.835 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 44.3 ดอลลาร์ หรือ 5.16% ปิดที่ 813.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 16.50 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 934.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากรายงานการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นของซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย รวมทั้งการผลิตน้ำมันของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่เพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 21 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 73.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 77.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในเดือนมิ.ย. ขณะยูโรอ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1609 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1666 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะระดับ 1.3122 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3190 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7396 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9948 ฟรังก์ จากระดับ 0.9913 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.88 เยน จากระดับ 110.89 เยน