DODมั่นใจผลงานQ2โดดเด่นรับออเดอร์ทะลัก ลุยเพิ่มกำลังผลิตเต็มสูบดันกำไรทั้งปีโตก้าวกระโดด!

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/61 บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการเติบโตจากธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

โดยผลประกอบการของบริษัทฯ ย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงล่าสุดไตรมาส 1/2561 มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและก้าวกระโดด โดยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส1/2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 214.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 111.21 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯมีศักยภาพการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมองภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2561 ว่าจะยังคงมีการเติบโต เนื่องจากมีการย้ายโรงงานใหม่ ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่ม ส่งผลให้มีความพร้อมในการรับออเดอร์จากลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่ราว 1,500,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็น 60% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) ของลูกค้าหลายแบรนด์

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีลูกค้ารายเล็กรายใหญ่อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าที่เปลี่ยนสถานผลิตมาจ้างบริษัทผลิต รวมถึงลูกค้าที่มาจ้างบริษัทผลิตโดยตรง เนื่องจากมีความเชื่อใจในกระบวนการผลิตเพราะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวจะส่งเสริมให้บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโต

สำหรับความคืบหน้าโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2) ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตวัตถุดิบประเภทสารสกัดเพิ่มเติมและมีความหลากหลายในการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากลตามาตรฐาน ISO 17025 ซึ่งมีมูลค่าลงทุนที่ 85 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่างแบบ พร้อมคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2561 และจะสามารถเดินเครื่องการผลิตได้เต็มรูปแบบในปี 2563

โดยโรงสกัดดังกล่าวถือเป็นโรงสกัดที่ครบวงจร และมีมาตรฐานสูงเทียบเท่ากับโรงสกัดยา ซึ่งการอนุมัติการร่างแบบจะต้องได้รับความเห็นชอบกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ DOD ในปี 2561 จะมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (นิวไฮ) อยู่ที่ระดับ 246 ล้านบาท หรือเติบโต 73.20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 142.19 ล้านบาท หลังผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2561 ขยายตัวสูง เพราะเริ่มรับรู้รายได้จากลูกค้ารายใหม่เพิ่ม 1 ราย และมีออเดอร์เข้ามาตั้งแต่ปลายปี 2560 ที่จะทยอยส่งมอบในช่วงไตรมาส 3/2561 และไตรมาส 4/2561

ขณะที่ แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2562-2563 จะมีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปี เนื่องจากบริษัทมีแผนลงทุนสร้างโรงสกัดแห่งที่ 2 และห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากล เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจ ซึ่งทำให้ลดการสั่งซื้อวัตถุดิบจากภายนอก และสามารถให้บริการเป็นผู้ตรวจสอบสารสกัดสำคัญให้กับลูกค้า รวมถึงแผนพัฒนาแบรนด์สินค้าของตนเองด้วยการออกสินค้าใหม่ในกลุ่มผู้สูงอายุ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสมุนไพรตรีผลา