สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ
สรุปภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศประจำวันที่ 3 ก.ค. 2561
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นเฟซบุ๊กที่ดิ่งลงกว่า 2.3% หลังจากสื่อรายงานว่า หน่วยงานต่างๆของสหรัฐกำลังขยายขอบข่ายการสอบสวนกรณีที่แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลการเมือง มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของข้อมูลผู้ใช้เฟซบุ๊ก นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,174.82 จุด ลดลง 132.36 จุด หรือ -0.54% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,713.22 จุด ลดลง 13.49 จุด หรือ -0.49% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,502.67 จุด ลดลง 65.01 จุด หรือ -0.86%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในเยอรมนี หลังจากมีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีแองเกลา แมร์เคิล สามารถบรรลุข้อตกลงกับนายฮอร์ส ซีโฮเฟอร์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการจัดการผู้อพยพของเยอรมนี
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 379.8 จุด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,593.29 จุด เพิ่มขึ้น 45.44 จุด หรือ +0.60% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,316.77 จุด เพิ่มขึ้น 40.01 จุด หรือ +0.76% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,349.14 จุด เพิ่มขึ้น 110.97 จุด หรือ +0.91%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่เป็นปัจจัยช่วยหนุนตลาด นอกจากนี้ ข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการขยายตัวในภาคการผลิตของอังกฤษยังเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,593.29 จุด เพิ่มขึ้น 45.44 จุด หรือ +0.60%
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ลิเบียประกาศภาวะสุดวิสัยในการส่งออกน้ำมัน และแคนาดาประสบปัญหาในการผลิตน้ำมัน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 74.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 77.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ ยังส่งผลให้นักลงทุนกลับเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอีกครั้ง
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 11.80 ดอลลาร์ หรือ 0.95% ปิดที่ 1,253.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 20.8 เซนต์ หรือ 1.31% ปิดที่ 16.043 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 32.9 ดอลลาร์ หรือ 4.04% ปิดที่ 846.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 3.60 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 938.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย พร้อมกับจับตาการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 12-13 มิ.ย.ในวันพฤหัสบดีนี้ รวมทั้งตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย.ในวันศุกร์นี้ เพื่อบ่งชี้ทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปีนี้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.61 เยน จากระดับ 110.88 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9922 ฟรังก์ จากระดับ 0.9948 ฟรังก์
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1662 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1609 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.3198 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3122 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงแตะระดับ 0.7387 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ