สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 5 ก.ค. 2561  


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (EU) ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐเช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการเฟดยังคงเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และยังคงเดินหน้าแผนปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,356.74 จุด เพิ่มขึ้น 181.92 จุด หรือ +0.75% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,736.61 จุด เพิ่มขึ้น 23.39 จุด หรือ +0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,586.43 จุด เพิ่มขึ้น 83.75 จุด หรือ +1.12%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่าจะยุติการเรียกเก็บภาษีรถยนต์จากยุโรป ขณะที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาสนับสนุนให้สหภาพยุโรป (EU) ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากสหรัฐเช่นกัน

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.4% ปิดที่ 381.59 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,464.29 จุด เพิ่มขึ้น 146.68 จุด +1.19% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,366.32 จุด เพิ่มขึ้น 45.82 จุด +0.86% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.22 จุด เพิ่มขึ้น 30.13 จุด +0.40%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) ตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ขานรับรายงานข่าวที่ว่า สหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มที่จะยุติข้อพิพาทเกี่ยวกับภาษีนำเข้ารถยนต์

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.22 จุด เพิ่มขึ้น 30.13 จุด หรือ +0.40%

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร อันเนื่องมาจากข้อมูลแรงงานที่ซบเซาของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนหนึ่งเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 5.30 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,258.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 5.4 เซนต์ หรือ 0.34% ปิดที่ 16.097 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 4.9 เซนต์ หรือ 0.58% ปิดที่ 841.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.7 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 942.70 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ปรับลดราคาน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ร่วงลง 1.20 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 72.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 85 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 77.39 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงตัวเลขการจ้างงานในภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.07% แตะที่ระดับ 94.466 เมื่อคืนนี้

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1666 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3215 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3236 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7385 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.68 เยน จากระดับ 110.48 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9937 ฟรังก์ จากระดับ 0.9924 ฟรังก์

Back to top button