TITLE บวกกว่า 3% ลุ้นรายได้ปี 61 โตเท่าตัว หลังตุน Backlog แน่น 1.8 พันลบ.

TITLE บวกกว่า 3% ลุ้นรายได้ปี 61 โตเท่าตัว หลังตุน Backlog แน่น 1.8 พันลบ. ล่าสุด ณ เวลา 15.52 น. อยู่ที่ระดับ 6.75 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.05% สูงสุดที่ระดับ 6.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 14.71 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ณ เวลา 15.52 น. อยู่ที่ระดับ 6.75 บาท บวก 0.20 บาท หรือ 3.05% สูงสุดที่ระดับ 6.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 6.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย 14.71 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น TITLE ปรับตัวขึ้นแรง คาดมาจากก่อนหน้านี้ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทออกมาย้ำความมั่นใจว่าแนวโน้มผลประกอบการปี 2561 จะเติบโตกว่าเท่าตัว อีกทั้งปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) และยอดรอการขายรวมกันที่ระดับ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2561-2562 ประกอบกับภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จึงอาจเป็นจังหวะที่นักลงทุนเข้าซื้อส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว

โดยก่อนหน้านี้ นายศศิพงษ์ ปิ่นแก้ว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมของ TITLE เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการในปี 2561 คาดจะมีรายได้อยู่ที่ระดับ 600 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 100% จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 301 ล้านบาท เนื่องจากมียอดขายรอโอน (Backlog) และยอดรอการขายรวมกันที่ระดับ 1,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2561-2562 และประเมินปี 2562 จะมีรายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไม่ต่ำกว่า 40% และรักษาอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ไม่ต่ำกว่า 20% ประกอบกับบริษัทยังมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ ในช่วงไตรมาส 4/2561 และช่วงไตรมาส 1/2562 มูลค่ารวมประมาณ  2,500-3,000 ล้านบาท บนทำเลหาดราไวย์ และหาดในยาง จังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับรายได้ในปี 2563-2565 และสร้างผลประกอบการให้เติบโตอย่างมั่นคง

สำหรับในปี 2561 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการที่หาดในยาง จำนวน 2 เฟส มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในงวดไตรมาส 4/2561 และนับเป็นครั้งแรกที่บริษัทเริ่มรับรู้รายได้ในหาดในยาง เพราะที่ผ่านมามีการรับรู้รายได้จากหาดราไวย์หาดเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อขยายทำเลไปยังหาดอื่นๆ ในจังหวัดภูเก็ตอีก 2 หาด จากปัจจุบันที่บริษัทมีโครงการในหาดราไวย์ และหาดในยางเท่านั้น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2561 อย่างน้อย 1 ทำเล เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของธุรกิจ พร้อมกำหนดงบซื้อที่ดิน 300-400 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการรองรับรายได้ในปี 2563-2565

นายศศิพงษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทตั้งเป้าหมายธุรกิจภายใน 5 ปี (2561-2565) พร้อมก้าวเป็นเบอร์หนึ่ง “อสังหาฯทางเลือก” ของจังหวัดภูเก็ต สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 40% ของตลาดต่างประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 12% ของมูลค่าตลาดต่างประเทศรวม 5,000 ล้านบาท โดยวางเป้ารายได้รวม 3 ปี (2563-2565) อยู่ที่ 6,000 ล้านบาท

“เรามีลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติจำนวนมาก จากการที่ชาวต่างชาติไม่สามารถกู้เงินในประเทศไทยได้ ทำให้ลูกค้าที่จะมาซื้อห้องชุดจะต้องมีเงินทุนพอสมควร เพราะเรามีเงื่อนไขที่ชัดเจนที่จะต้องวางเงินดาวน์ถึง 75% ซึ่งการเก็บเงินดาวน์เยอะส่งผลดีต่อบริษัททำให้มีสภาพคล่องทางการเงิน ลดต้นทุนทางการเงิน และหมดปัญหาการโอน ประกอบกับมีเงินทุนเพื่อไปพัฒนาโครงการต่อ” นายศศิพงษ์ กล่าว

Back to top button