สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศประจำวันที่ 6 ก.ค. 2561


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) ขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดมองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนมิ.ย. โดยมุมมองด้านบวกที่นักลงทุนมีต่อข้อมูลแรงงานสหรัฐนั้น ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,456.48 จุด เพิ่มขึ้น 99.74 จุด หรือ +0.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,759.82 จุด เพิ่มขึ้น 23.21 จุด หรือ +0.85%  และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,688.39 จุด เพิ่มขึ้น 101.96 จุด หรือ +1.34%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า 25% เมื่อวานนี้

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.2% ปิดที่ 382.36 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,496.17 จุด เพิ่มขึ้น 31.88 จุด หรือ +0.26% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,375.77 จุด เพิ่มขึ้น 9.45 จุด หรือ +0.18% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.70 จุด เพิ่มขึ้น 14.48 จุด หรือ +0.19%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากตลาดร่วงลงก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศได้เริ่มบังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษีนำเข้า 25% เมื่อวานนี้

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,617.70 จุด เพิ่มขึ้น 14.48 จุด หรือ +0.19%

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 73.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 28 เซนต์ หรือ 0.4% ปิดที่ 77.11 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลงเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นขานรับตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 3 ดอลลาร์ หรือ 0.24% ปิดที่ 1,255.80 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่ตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำขยับขึ้นเพียง 0.1%

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 2.8 เซนต์ หรือ 0.17% ปิดที่ 16.069 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 7.2 ดอลลาร์ หรือ 0.86% ปิดที่ 848.60 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หรือ 0.5% ปิดที่ 947.60 ดอลลาร์/ออนซ์

 

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและฟรังก์สวิส ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ค.) หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขค่าจ้างต่อชั่วโมงซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มองว่าเป็นสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อนั้น ชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9900 ฟรังก์ จากระดับ 0.9924 ฟรังก์ แต่แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.68 เยน จากระดับ 110.48 เยน

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1666 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.3215 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3236 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7429 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Back to top button