UTP บวกเกือบ 4% โบรกฯคาดกำไร Q2 โตทะลัก 182% “สูงสุดเป็นประวัติการณ์”
UTP บวกเกือบ 4% โบรกฯคาดกำไร Q2 โตทะลัก 182% "สูงสุดเป็นประวัติการณ์" โดย ณ เวลา 15.55 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 11.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 3.54% สูงสุดที่ระดับ 11.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 13.62 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หุ้นบริษัท ยูไนเต็ด เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UTP ณ เวลา 15.55 น. ราคาอยู่ที่ระดับ 11.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท หรือ 3.54% สูงสุดที่ระดับ 11.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 13.62 ล้านบาท
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/61 จะอยู่ที่ 178 ล้านบาท เติบโต 182% จากปีก่อน และ 6% จากไตรมาสก่อน ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเติบโตจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ย 623 ตันต่อวัน จากเดิมในไตรมาส 1/61 กำลังการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 575 ตันต่อวัน และกำลังการผลิตเฉลี่ยในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 327 ตันต่อวัน
ขณะที่ราคาขายและต้นทุนทรงตัวที่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 1/61 ส่วนประมาณการกำไรสุทธิในปี 2561 ยังคงประมาณการเดิมที่ 708 ล้านบาท เติบโต 125% จากปีก่อน เติบโตจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ราคาขายกระดาษที่สูงขึ้น และ ต้นทุนราคาเศษกระดาษที่ถูกลง
ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ที่ 708 ล้านบาท เติบโต 125% จากปีก่อน คาดเติบโตจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น คาดปี 2561 UTP จะมีกำลังการผลิตเฉลี่ยที่ 600 ตันต่อวัน ซึ่งกำลังการผลิตเฉลี่ยในปี 2560 อยู่ที่เพียง 416 ตันต่อวัน
อีกทั้ง ราคาขายกระดาษเพิ่มขึ้น โดยราคาขายกระดาษคราฟท์ของอุตสาหกรรมในเดือน พ.ค.18 เฉลี่ยอยู่ที่ 19,435 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน และทรงตัวจากเดือนก่อน และต้นทุนเศษกระดาษถูกลง โดยราคาเศษกระดาษในยุโรปเฉลี่ยเดือน พ.ค. 18 อยู่ที่ 3,369 บาทต่อตัน ลดลง 38% จากปีก่อน และ 4% จากเดือนก่อน ซึ่งจากราคาขายกระดาษที่ดีและต้นทุนเศษกระดาษที่ถูกลง คาดอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2561 จะดีขึ้นเป็น 22.5% เพิ่มขึ้น 6.4% จากปีก่อน
อย่างไรก็ตาม คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเหมาะสมปี 2561 ที่ 16.00 บาท (อิง PER เฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 15 เท่า) ซึ่งด้วยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้น 50% ในช่วง 1 ปี มองว่ายังน่าสนใจอยู่ เพราะ Forward PER ปี 2018 – 19 อยู่ที่เพียง 10 และ 9 เท่าตามลำดับ ทำให้ปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ระดับ -1SD เนื่องจากกำไรที่โตดีมากในปีนี้