TISCO เปิดงบฯ Q2/61 วันนี้! ลุ้นกำไร “นิวไฮ” 1.84 พันลบ.

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้มีการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO หลังมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะรายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/61 ในวันนี้ (11 ก.ค.61) โดยมีกำไรสุทธิ 1.84 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% และทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากมีรายจ่ายลดลง และตั้งสำรองฯ น้อยกว่าปีก่อน

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดการณ์ผลประกอบการช่วงไตรมาส 2/61 ของ TISCO จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.84 พันล้านบาท เติบโตจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 22% และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาส 1/61 โดยกำไรดังกล่าวเป็นสถิติสูงสุดรายไตรมาสของทิสโก้ ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากการตั้งสำรองฯ และค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดจากการรับโอนธุรกิจมาจาก SCBT ลดลง

ส่วนสินเชื่อเดือน พ.ค. ส่งสัญญาณที่ดี เพิ่มขึ้นเป็นเดือนแรกของปี +0.06% จากเดือนก่อนหน้ามาจากสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อ “ออโต้แคช” และสินเชื่อเช่าซื้อ ปีนี้เป็นปีที่ดีของ TISCO เพราะตั้งสำรองลดลงและมีรายได้เพิ่มขึ้นเต็มปีจาก SCBT และยังคงราคาเหมาะสม 98 บาท แต่ปรับคำแนะนำเพิ่มจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” เพราะอัพไซด์ที่เปิดกว้างขึ้นจากบทวิเคราะห์ครั้งก่อน

ขณะที่ นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาด TISCO จะมีกำไรไตรมาส 2/61 ที่ 1,762 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% จากสินเชื่อที่เติบโตกว่าปีก่อน ทำให้รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น และคาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นด้วย รวมไปถึงการตั้งสำรองที่คาดว่าจะลดน้อยลง แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/61 คาดว่ากำไรจะลดลงเล็กน้อย 0.2% เนื่องจากคาดว่ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยจะลดลงโดยเฉพาะกำไรจากเงินลงทุน ถึงแม้จะคาดว่าการตั้งสำรองจะลดน้อยลงก็ตาม

สินเชื่อเดือน พ.ค. กลับมาเป็นบวกเป็นครั้งแรก แต่ก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 0.04% จากเดือนก่อน ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำให้สินเชื่อในไตรมาส 2/2561 กลับมาเป็นบวกได้ แต่ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น จากตั้งแต่ต้นปีมาสินเชื่อของ TISCO นั้นหดตัวต่อเนื่อง และคาดว่าช่วงที่เหลือของปีสินเชื่อของ TISCO จะเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่อง

ยังคงประมาณการกำไรปี 2561 ของ TISCO ไว้ที่ 6.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% โดยกำไรในวงครึ่งปีแรก คิดเป็น 51% ของประมาณการทั้งปี คงราคาพื้นฐาน 96 บาท ถึงแม้ว่า TISCO ในขณะนี้จะเป็นธนาคารที่มีสินเชื่อหดตัวมากที่สุดในกลุ่ม แต่การมีสัดส่วนสำรองต่อ NPL สูงที่สุดทำให้การตั้งสำรองจะลดลง และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้กำไรเติบโต ยังคงแนะนำ “ซื้อ”

ด้านนายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TISCO เปิดเผยว่า แนวโน้มสินเชื่อไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าจะดีขึ้น หลังไตรมาสแรกปีนี้สินเชื่อหดตัว 1.9% โดยได้รับอานิสงส์จากยอดขายรถยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่สินเชื่อรายใหญ่ยังมีความต้องการขยายธุรกิจตามการลงทุนภาครัฐและเอกชน ส่วนสินเชื่อบ้าน ธนาคารจะทำการเลือกกลุ่มลูกค้าให้มีความเหมาะสม ในขณะที่เอสเอ็มอียังคงชะลอตัว

สำหรับการตั้งสำรองในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงมีการตั้งสำรองเพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS9) ที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน ม.ค. 2562 โดยธนาคารมีการทยอยตั้งสำรองมาตั้งแต่ต้นปี 2560 ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีอัตราส่วนการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (coverage ratio) ที่มากกว่า 200% สูงสุดในระบบของธนาคาร จากสิ้นปี 2560 อยู่ที่ 190%

ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในสิ้นปีนี้คาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสแรกของปีนี้ที่อยู่ 2.32% โดย NPL มีอัตราการเพิ่มขึ้นที่ลดลง ในขณะที่ SSI ที่อยู่ในขั้นตอนแผนฟื้นฟูฯ ปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปีที่แล้วมีการชำระหนี้มากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งมูลหนี้ในส่วนของธนาคารคิดเป็น 8% ของมูลหนี้ทั้งหมด 60,000 ล้านบาท โดยธนาคารคาดว่าแผนฟื้นฟูจำนวน 12 ปี จะได้เงินคืนราว 1,500 ล้านบาท

สำหรับกลยุทธ์ธุรกิจรายย่อยของธนาคารทิสโก้ต่อจากนี้ จะมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันซึ่งธนาคารทิสโก้มีความเชี่ยวชาญ ทั้งสินเชื่อเช่าซื้อ สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ และสินเชื่อบ้าน โดยโปรดักต์ทิสโก้มอร์เกจเซฟเวอร์ที่ได้เริ่มรุกตลาดในปีนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และแม้จะมีการโอนพอร์ตสินเชื่อส่วนบุคคลบางส่วนออกไป จะไม่กระทบกับภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยในปีนี้ โดยธนาคารจะพยายามรักษาระดับการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้