ILINK ดีดบวก 3% ขานรับรายได้ปีนี้ทะลุ 5 พันลบ. พร้อมใส่เกียร์ประมูลงานเต็มสูบ 1.8หมื่นลบ.
ILINK ดีดบวก 3% ขานรับรายได้ปีนี้ทะลุ 5 พันลบ. พร้อมใส่เกียร์ประมูลงานใหม่เต็มสูบ 1.8 หมื่นลบ. ล่าสุด ณ เวลา 11.07 น. อยู่ที่ระดับ 4.90 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 3.38% สูงสุดที่ระดับ 4.94 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.76 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.81 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ณ เวลา 11.07 น. อยู่ที่ระดับ 4.90 บาท บวก 0.16 บาท หรือ 3.38% สูงสุดที่ระดับ 4.94 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 4.76 บาท มูลค่าซื้อขาย 5.81 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้น ILINK ปรับตัวขึ้นแรงในวันนี้ (12 ก.ค.61) หลังมีการรายงานข่าวว่า ILINK เตรียมเข้าประมูลงานใหม่ มูลค่ารวมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมมั่นใจว่ารายได้ปี 2561 จะโตทะลุเป้าหมายที่วางไว้ที่ระดับ 4.9 พันล้านบาท
โดยนายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ILINK เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทในปี 2561 มีโอกาสทำได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 4,900 ล้านบาท จากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณมีการเปิดตลาดใหม่ และเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ ได้แก่ กลุ่มอุปกรณ์ส่งสัญญาณ และกลุ่มสายสัญญาณ FTTH โดยคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต จากเดิมที่เน้นเฉพาะสินค้าสายสัญญาณ (Cabling) อย่างเดียว
นอกจากนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2561 ยังมีงานใหม่ที่เตรียมจะเข้าประกวดราคากับหน่วยงานภาครัฐอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบ เฟส 2 มูลค่ารวมกว่า 16,000 ล้านบาท โครงการสายไฟฟ้าแรงสูงใต้ทะเลไปยังเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 2,100 ล้านบาท โครงการสถานีไฟฟ้าย่อย และโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) อีกจำนวนมาก ส่วนธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณจะเร่งส่งมอบงานของโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการสั่งซื้อแล้ว อาทิ โครงการรัฐสภาใหม่ ที่ได้รับการสั่งซื้อสายสัญญาณแล้วกว่า 128 ล้านบาท เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ธุรกิจวิศวกรรม ทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท และคาดว่าจะชนะประมูลโครงการขนาดเล็กในการปรับปรุงสถานีไฟฟ้าย่อยที่ จ.น่าน มูลค่า 66 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทได้เน้นนโยบายของงานโครงการให้ทุกฝ่ายควบคุมอย่างใกล้ชิดทุกระดับ และต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย รวมทั้งประหยัดต้นทุน เพื่อสร้างผลกำไรให้กับโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่รับรู้ผลขาดทุนไปแล้ว คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปี 2561