“ฝรั่งเศส” จัดหนัก “โครเอเชีย” 4-2 ผงาดแชมป์บอลโลกรอบ 20 ปี
“ฝรั่งเศส” จัดหนัก “โครเอเชีย” 4-2 ผงาดแชมป์บอลโลกรอบ 20 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการพบกันของ “ตราไก่” ฝรั่งเศส กับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย ที่สนาม ลุชนิกี สเตเดี้ยม ประเทศรัสเซีย
โดยเปิดเกมมา โครเอเชีย เป็นฝ่ายครองบอลบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 12 อิวาน เปริซิช ได้บอลหลุดขึ้นมาทางซ้ายก่อนเปิดเลียดไปหน้าประตู แต่ ซามูแอล อุมติตี้ ตามมาเตะทิ้งได้ทันก่อนที่บอลจะไปถึง มาริโอ มานด์ซูคิช
นาทีที่ 18 ฝรั่งเศส ได้ฟรีคิกระยะ 20 หลา อองตวน กรีซมันน์ เปิดโด่งไปในเขตโทษ มาริโอ มานด์ซูคิช พยายามโหม่งสกัดแต่โดนไม่ดีบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูตัวเอง ฝรั่งเศส ขึ้นนำ 1-0
นาทีที่ 28 ตาหมากรุก มาได้ฟรีคิก ลูก้า โมดริช เปิดโด่งไปที่เสาแรก ซิเม่ เวอร์ซัลจ์โก้ โหม่งตั้งเข้าไป โดมากอย วีด้า ดีดคืนให้ อิวาน เปริซิช ล็อกเข้าซ้ายก่อนกดเต็มๆ บอลพุ่งผ่านมือ อูโก้ โยริส เสียบเสาเข้าไปสุดสวย โครเอเชีย ตีเสมอ 1-1
นาทีที่ 34 ฝรั่งเศส ได้ลูกเตะมุม อองตวน กรีซมันน์ เปิดโด่งไปหน้าประตูบอลไปโดนมือ อิวาน เปริซิช ออกหลังไป แต่กรรมการขอดู VAR พร้อมกลับวิ่งมาเป่าเป็นลูกจุดโทษ ก่อนที่ อองตวน กรีซมันน์ จะสังหารเข้าไปไม่พลาดในนาทีที่ 38 ช่วยให้ ตราไก่ ออกนำอีกครั้ง 2-1 พร้อมจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้
ส่วนในครึ่งหลัง นาทีที่ 47 โครเอเชีย ได้ลุ้นทันที อิวาน ราคิติช แทงทะลุช่องให้ อันเต้ เรบิช หลุดเข้าไปยิงตามน้ำบอลพุ่งจะเสียบคานอยู่แล้ว แต่ อูโก้ โยริส พุ่งปัดข้ามคานไว้ได้ปลายมือ
นาทีที่ 59 คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กระชากขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดไปหน้าประตู อองตวน กรีซมันน์ เก็บบอลได้ก่อนไหลคืนให้ ปอล ป็อกบา ซัดด้วยขวาไปติดบล็อก ก่อนสับไกด้วยซ้ายตุงตาข่ายไม่เหลือ ฝรั่งเศส ขยับหนีเป็น 3-1
นาทีที่ 65 ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ พาบอลขึ้นมาก่อนไหลให้ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ แต่งเข้าขวาแล้วกดเต็มข้อ บอลพุ่งตุงตาข่ายชนิดที่ ดานิเยล ซูบาซิช ได้แค่มองด้วยสายตา ฝรั่งเศส ทิ้งเป็น 4-1
นาทีที่ 69 ซามูแอล อุมติตี้ คืนหลังให้ อูโก้ โยริส แต่นายด่านตราไก่กลับครองบอลนานจนโดนบีบก่อนเตะไปโดน มาริโอ มานด์ซูคิช ยิงสวนเข้าประตูไป โครเอเชีย ไล่มาเป็น 2-4
ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม ฝรั่งเศส เป็นฝ่ายเอาชนะ โครเอเชีย 4-2 ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 มาครองได้สำเร็จ พร้อมทั้งเป็นการคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ครบรอบ 20 ปี หลังจากเคยคว้าแชมป์มาแล้วในปี 1998 และ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ผู้จัดการทีม ยังกลายเป็น คนที่สามของโลกที่คว้าแชมป์เวิลด์คัพ ทั้งตอนที่ตนเองเป็นนักเตะ และ ผู้จัดการทีม ต่อจาก มาริโอ ซากัลโล ของบราซิล และ ฟรานซ์ เบ๊กเค่นบาวร์ ของเยอรมนี