กลยุทธ์ลงทุนวันนี้ โบรกฯ แนะจับตา 3 ธีมหุ้นเด่นมีปัจจัยบวกหนุน
กลยุทธ์ลงทุนวันนี้ โบรกฯ แนะจับตา 3 ธีมหุ้นเด่นมีปัจจัยบวกหนุน
บล.ไอร่า ระบุว่า คาด SET มีโอกาสปรับขึ้นในทิศทางเดียวกับต่างประเทศ ที่ให้น้ำหนักบวกต่อถ้อยแถลงของประธานเฟดต่อสภาผู้แทนฯ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นต่อการขยายตัวเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ทำให้คาดสามารถรองรับกับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ที่คาดค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งคาดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในเดือนก.ย. และ ธ.ค. ตามลำดับ รวมเป็น 4 ครั้งในปีนี้ ยังแนะติดตามเงินสหรัฐฯ คาดกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก
ขณะที่ในวันนี้ประธานเฟดจะแถลงต่อวุฒิสภาอีกครั้ง คาดแสดงมุมมองทั้งเศรษฐกิจและนโยบายการเงินในลักษณะเดียวกัน
ส่วนทางด้านหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดยังได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมัน ภายใต้ความกังวลปริมาณผลิตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงสหรัฐฯ ผ่อนผันให้ประเทศต่างๆ ซื้อน้ำมันจากอิหร่าน แม้สหรัฐฯ จะคว่ำบาตรอิหร่านก็ตาม
สำหรับประเด็นสงครามการค้า แม้ตลาดส่วนใหญ่สะท้อนไปบ้างแล้วในช่วงที่ผ่านมา และมีสัญญาณที่ดีจากความพยายามยุติปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 10% จากสินค้าจากจีน เพิ่มอีก 200,000 ล้านUSD โดยครอบคลุมสินค้า 6,000 รายการ คาดจะมีการเจรจาทวิภาคีรอบใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ
อย่างไรก็ตามยังแนะติดตามต่อเนื่อง (+) หากสามารถเจรจาต่อรอง และสถานการณ์ไม่ลุกลามไปจากความคาดหมายเดิม แต่ในทางกลับกัน (-) หากไม่สามารถเจรจาต่อรองกันได้ คาดการตอบโต้อาจมีความรุนแรง และอาจส่งผลต่อการขยายตัวเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเป็นความกังวลและกดดันภาพรวมตลาดต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้านี้
สำหรับประเด็นในประเทศคาดจะเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้น จากการที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/61 เริ่มโดยกลุ่ม Bank เบื้องต้นคาดภาพเมื่อเทียบจากปีก่อน ดีขึ้นหลังจากตั้งสำรองไปมากแล้วในปีที่ผ่านมา ซึ่งจะทยอยประมาณภายในสัปดาห์นี้ หลังจากนั้นเป็นกลุ่ม Real Sector ถึงกลางเดือนส.ค.
อย่างไรก็ตามคาดยังได้รับ Sentiment เป็นลบ จาก Fund Flow ยอดขายสุทธิของต่างชาติ YTD ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องเกือบ 2 แสนล้านบาท ทางด้านเงินบาทล่าสุด 33.32 บาท ซึ่งยังเคลื่อนไหวในกรอบที่เป็นระดับอ่อนค่าสูงสุดนับจากต้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามหากมีการกำหนดวันเลือกตั้งชัดเจน (คาดภายในก.พ.62) คาดช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นการลงทุนกลับมา โดยเฉพาะจากต่างชาติกลับเข้ามาอีกครั้ง
ขณะที่ในระยะกลาง – ยาว ยังได้รับ Sentiment บวกทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจ หลังหลายหน่วยงานปรับเพิ่ม GDP ปี 61 ขึ้นมาอยู่ในระดับ 4.4 – 4.5% ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์พร้อมปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกเป็นไม่ต่ำกว่า 10%
นอกจากนี้ยังมีการเร่งรัดเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ Phase 2 ภายในปีนี้ ซึ่งคาดยังเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และยังแนะจับตา
(1) กลุ่มปิโตรเคมี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานที่ยังคงแข็งแกร่ง เช่น IVL เป็นต้น
(2) กลุ่มพลังงาน ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูง เช่น PTT, PTTEP เป็นต้น
(3) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จากโครงการ EEC คาดได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นของนักลงทุนเอกชน และโครงการก่อสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุน