BA โดดแจมประมูล “ดิวตี้ฟรี” แข่ง “คิงเพาเวอร์” จับตาส่วนแบ่งรายได้ AOT พุ่งปรี๊ด!
BA โดดแจมประมูล "ดิวตี้ฟรี" แข่ง "คิงเพาเวอร์" จับตาส่วนแบ่งรายได้ AOT พุ่งปรี๊ด!
นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) เพื่อสร้างรายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจการบิน และเห็นแนวโน้มการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย
โดย บริษัทฯ ได้เจรจากับพันธมิตรต่างประเทศ 3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปความร่วมมือภายใน 2-3 เดือน เพื่อเตรียมเข้าร่วมประมูลบริหารพื้นที่ร้านดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่จะเปิดประมูลภายในปีนี้ รวมถึงในท่าอากาศยานอู่ตะเภาที่มีพื้นที่เชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีแนวโน้มเติบโตสูง โดยบริษัทวางเป้าหมาย 3 ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจดิวตี้ฟรีในสัดส่วน 5% ของรายได้รวม
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจดิวตี้ฟรีที่สนามบินสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมถึงสนามบินอู่ตะเภา (พื้นที่ปัจจุบัน) และสนามบินหลวงพระบาง หลังจากที่บริษัท บางกอกแอร์เวย์โฮลดิ้ง จำกัด เข้าซื้อกิจการ บริษัท มอร์แกนฟรี จำกัด โดยคาดว่าปีนี้จะยังมีรายได้ไม่ถึง 10 ล้านบาท หรือไม่ถึง 1% ของรายได้รวม ซึ่งบริษัทฯ จะพิจารณาเม็ดเงินลงทุนต่อไป โดยในพื้นที่ดิวตี้ฟรีในสนามบินสมุยซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของได้เตรียมงบลงทุนปรับปรุงพื้นที่จำนวนกว่า 100 ตร.ม. และงบลงทุนในพื้นที่ดิวตี้ฟรีใหม่หากชนะประมูล
สำหรับ แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยคาดว่าอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) จะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 70% เพราะบรรยากาศการท่องเที่ยวเริ่มคึกคักมากขึ้น ประกอบกับไตรมาส 3 เป็นช่วงวันหยุดของนักท่องเที่ยวยุโรป และในไตรมาส 4 เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/61 ซึ่งเป็นช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าไตรมาส 1/61 แต่จะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าผลประกอบการในปี 61 จะเป็นไปตามเป้าหมายรายได้เติบโต 7-10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.8 หมื่นล้านบาท Load Factor เฉลี่ยอยู่ที่ 70.5% และจำนวนผู้โดยสารเติบโต 7% จากปีก่อน ขณะที่มองว่ากรณีอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตไม่ได้กระทบกับบริษัท เพราะนักท่องเที่ยวคนละกลุ่มกัน โดยเที่ยวบินไปยังจีนของ BA จะเน้นเที่ยวบินแบบเช่าเหมาลำ
นอกจากนี้ นายพุฒิพงศ์ เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะมีแผนซื้อหุ้นคืน หลังเห็นราคาหุ้น BA ลงมาต่ำกว่ามูลค่าหุ้น ซึ่งได้มีการหารือเบื้องต้นในที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร เพราะเงินสดในมือของบริษัทมีมากพอดำเนินการได้ โดยปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 1 พันล้านบาท คาดว่าจะมีการหารือกันอีกครั้ง เพราะมองว่าธุรกิจการบินได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และ BA ก็มีมูลค่าแฝงอยู่ โดย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ถือหุ้น BA ที่ 5.93% (เมื่อ 15 มี.ค.61) ขณะที่ BA ถือหุ้น BDMS สัดส่วน 0.85%
อนึ่ง กิจการร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ ฟรี) ในท่าอากาศยานสุวรรณในปัจจุบัน กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ได้รับสัมปทาน โดยสัญญาบริหารจัดการพื้นที่เชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กำหนดให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ชำระค่าเช่าและผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่ ทอท. 15% ของยอดรายได้ หรือตามจำนวนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ผู้รับอนุญาตตกลงชำระให้ตามที่ระบุในสัญญาแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
โดยสัมปทานดังกล่าวจะหมดสัญญาในปี 2563 และคาดว่าในปลายเดือน ก.ค. จนถึงต้นเดือน ส.ค.2561 จะมีการออกร่างหลักเกณฑ์การประกวดราคา (TOR) และจะสามารถดำเนินการประมูลแล้วเสร็จภายในปี 61
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นที่น่าจับตาว่า กรณีที่ BA เข้ามาร่วมประมูลพื้นที่ดิวตี้ฟรีในครั้งนี้จะส่งผลให้การแข่งขันในการประมูลมีความดุเดือดมากขึ้น ส่งผลให้ราคาประมูลพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการเดิม และผู้ประกอบการรายใหม่อาจจะต้องเพิ่มส่วนแบ่งของรายได้ให้กับทางทอท.มากขึ้นจากสัญญาเดิม เพื่อให้ได้รับสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าว