สื่ออินเดียประโคมข่าว”ทาทา สตีล”ซุ่มขายกิจการ CEO ไทยยันแม่ไม่ขายทิ้ง!
สื่ออินเดียประโคมข่าว“ทาทา สตีล”ซุ่มขายกิจการ ผถห.สาดคำถามลั่นที่ประชุมสามัญฯ TSTH ฟาก CEO ยันไม่ขายทิ้งแน่นอน!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานจากสื่อหนังสือพิมพ์แห่งหนึ่งของประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 20 ก.ค.2561 ที่ผ่านมา ถึงประเด็นที่บริษัท ทาทาสตีล (Tata Steel) ผู้ผลิตเหล็กกล้าสัญชาติอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อยู่ระหว่างการจำหน่ายสินทรัพย์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อปรับโครงสร้างให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และเพื่อลดภาระหนี้สิน
ด้าน นาตาราจน แชนดราเซคาราน ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท ทาทา สตีล ได้ตอบคำถามของผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปีเมื่อวันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า บริษัทกำลังหาทางขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก และมีขนาดเล็กเพื่อลดความยุ่งยากในการปรับโครงสร้าง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สื่อรายงานประเด็นดังกล่าว มีกระแสข่าวตามออกมาว่า บริษัทฯ กำลังมองหาผู้ซื้อให้กับบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TSTH และแน็ตสตีล ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของทาทา สตีล
โดย สื่อในประเทศอินเดียรายงานว่า ทาทาสตีล ได้มอบหมายให้นายธนาคารในสิงคโปร์หาผู้ซื้อบริษัทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีการตั้งมูลค่าธุรกิจไว้เพียง 500 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.65 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม ประธานคณะกรรมการบริหารทาทาสตีล ในอินเดีย กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า บริษัทฯ ยังไม่มีข้อเสนอจากบริษัทใดมาให้พิจารณา
ล่าสุด ในวันนี้ (25 ก.ค.2561) TSTH มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 17 ประจำปี 2561 ซึ่งในการประชุมผู้ถือหุ้น TSTH ได้มีการสอบถามถึงประเด็นการขายกิจการตามประเด็นที่สื่อในประเทศอินเดียรายงานข่าว ซึ่ง นาย ปิยุช กุปต้า ประธานกรรมการบริษัทฯ TSTH ได้เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังไม่มีแผนการการกิจการตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังอยู่ในทิศทางที่ดี
“เรายังไม่ขายกิจการ ธุรกิจของเรายังคงไปได้ดี โดยบริษัทถือว่าเป็นเป็นอันดับต้นๆ ในธุรกิจเหล็ก ขอให้ผู้ถือหุ้นวางใจได้” นาย ปิยุช กล่าว
อนึ่ง ทาทา สตีล ทำธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านบริษัท แน็ตสตีล โฮลดิ้งสในสิงคโปร์ และทาทา สตีล ไทยแลนด์ แต่ทั้งสองบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานลดลงแม้ว่าราคาขายดีขึ้น นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังประสบปัญหาจากการที่กิจกรรมในการก่อสร้างซบเซาลง และราคาเศษเหล็กในสิงคโปร์และไทยเพิ่มขึ้น