BCPG เล็งทุ่มหมื่นล้านซื้อกิจการด้านพลังงาน ผลักดันกำไรปีนี้โตแกร่ง
BCPG เล็งทุ่มงบหมื่นล้านซื้อกิจการด้านพลังงานในต่างประเทศ ผลักดันกำไรปีนี้โตแกร่ง
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการมองหาดีลซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน (M&A) ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งมีโอกาสจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังปีนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณ 5,000-10,000 ล้านบาท โดยมองการขยายลงทุนทั้งในเวียดนาม ลาว และ ออสเตรเลีย ในกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์) และพลังงานลม ขณะที่การซื้อกิจการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งที่จะผลักดันให้กำไรสุทธิในปีนี้เติบโตจากปีที่แล้ว นอกจากเหนือจากการเติบโตตามธุรกิจปกติ
“ดีลซื้อกิจการภายในปีนี้มีโอกาสใหม่แน่ ๆ แต่ยังบอกไม่ได้ว่ากี่ดีลขึ้นอยู่กับข้อสรุปที่จะได้รับ เรามองทั้งออสเตรเลีย เวียดนาม ลาว เป็นพวกโซลาร์และลม เงินลงทุนก็น่าจะอยู่ประมาณ 5,000 ถึงไม่เกิน 10,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับว่าจะสรุปที่ประเทศไหน” นายบัณฑิต กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้มั่นใจว่ากำไรสุทธิจะเติบโตจากระดับ 2,016 ล้านบาทในปีที่แล้ว โดยในช่วงไตรมาส 3/61 คาดว่าจะรับรู้กำไรจากการขายโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ Nikaho และ Nagi ขนาดกำลังผลิตรวม 27.6 เมกะวัตต์ (MW) ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น มูลค่าราว 3,185 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ดำเนินการคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสนี้
นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/61 บริษัทจะรับรู้รายได้จากการเริ่มผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ (โซลาร์ราชการ) กับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ที่บริษัทเป็นผู้ร่วมลงทุน จำนวน 2 โครงการ รวมกำลังการผลิต 9 เมกะวัตต์ที่ได้เริ่ม COD แล้วในเดือน ก.ค.นี้
โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นในปีนี้จะมาจากการเติบโตของธุรกิจปัจจุบัน (organic growth) ในกลุ่มการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ COD เพิ่มในโครงการโซลาร์ราชการ ส่วนในต่างประเทศจะเติบโตจากการขายโซลาร์ฟาร์มในญี่ปุ่นเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน และมีโอกาสที่จะเติบโตได้มากขึ้นหากมีการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีกำลังผลิตไฟฟ้าในมือราว 600 เมกะวัตต์ ซึ่งเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าแล้วกว่า 400 เมกะวัตต์ ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งในญี่ปุ่น, ไทย, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยในส่วนนี้เป็นโครงการในญี่ปุ่นราว 150 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบัน COD แล้ว 50 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 100 เมกะวัตต์ ทั้งนี้คาดว่าโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทจะ COD ได้ครบทั้งหมด 600 เมกะวัตต์ภายในปี 62
นอกจากนี้ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนใต้พิภพในอินโดนีเซียที่บริษัทถือหุ้นอยู่บางส่วน ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 โรงนั้น ยังอยู่ระหว่างศึกษาที่จะขยายกำลังการผลิตโรงที่ 1 ในเฟสที่ 2 และ 3 โดยอยู่ระหว่างสำรวจปริมาณเชื้อเพลิงเพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้า เบื้องต้นคาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้ราว 60-100 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสรุปได้เร็ว ๆ นี้