SQ วิ่งแรง 3 วันติด พุ่งต่อกว่า 9% นิวไฮในรอบ 1 เดือน โบรกฯแนะ “ซื้อ” ชูเป้า 4.75 บ.
SQ วิ่งแรง 3 วันติด พุ่งต่อกว่า 9% นิวไฮในรอบ 1 เดือน โบรกฯแนะ "ซื้อ" ชูเป้า 4.75 บ. โดย ณ เวลา 15.21 น. อยู่ที่ 3.10 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 9.15% สูงสุดที่ 3.14 บาท ต่ำสุดที่ 2.84 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 122.04 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท สหกลอิควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SQ ณ เวลา 15.21 น. อยู่ที่ 3.10 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 9.15% สูงสุดที่ 3.14 บาท ต่ำสุดที่ 2.84 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 122.04 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.70 บาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค.61 อีกทั้งราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 3.10 บาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.61
ด้าน บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ก.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.75 บาท/หุ้น โดยคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ยังประสบกับผลขาดทุนอยู่ที่ 44 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ในส่วนงานเหมืองแม่เมาะ 8 และเหมืองหงสาที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม คาดว่ากำไรสุทธิตั้งแต่ไตรมาส 3/61 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร จากการที่บริษัทสามารถกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ และยังมีการรับรู้รายได้จากเหมืองดีบุกเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ได้ปรับประมาณการรายได้ทั้งปีจากเดิม 3,576 ล้านบาท เป็น 3,786 ล้านบาท จากโครงการเหมืองดีบุกที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนแล้ว และคาดว่าบริษัทจะได้รับงานเพิ่มเติมจาก กฟผ. เพื่อชดเชยค่าเสียหายจากเหตุการณ์ดินสไลด์ที่ผ่านมา คงคำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 4.75 บาท อิงค่า EV/EBITDA ที่ 9 เท่า
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์รายได้ไตรมาส 2/61อยู่ที่ 806 ล้านบาท ลดลง 12 % จากปีก่อน และ 3 % จากไตรมาสก่อน จากการเหตุการณ์ดินสไลด์ เมื่อปลายเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้การขุดขนดินและถ่านหินในบริเวณเหมืองแม่เมาะ8 ลดลง แม้ว่าบริษัทจะมีการซ่อมแซมสายพานที่ชำรุดเสร็จสิ้นในเดือน มิ.ย. แต่คาดว่าจะเปิดทำงานได้เพียง 20-30% เท่านั้น
อีกทั้งงานในโครงการหงสา ประเทศลาวนั้น ก็มีการหยุดการดำเนินงาน เพื่อย้ายเครื่องจักรใหม่เป็นเวลา 17 วัน ซึ่งมากกว่าที่บริษัทคาดไว้ที่ 13 วัน ทำให้คาดว่ารายได้จากโครงการหงสาลดลงด้วยเช่นกัน ประกอบกับต้นทุนของบริษัทที่คาดว่าจะสูงขึ้น จากการเปลี่ยนการขนส่งจากเดิมที่เป็นระบบสายพานเป็นการขนด้วยรถบรรทุกแทน เราจึงคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 มีผลขาดทุน 44 ล้านบาท ซึ่งขาดทุนมากกว่าไตรมาส 1/61 ที่ขาดทุน 39 ล้านบาท
ขณะที่ คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/61 และไตรมาส 4/61 ฟื้นตัวกลับมาเป็นกำไร จากงานในโครงการเหมืองแม่เมาะ 8 สามารถดำเนินงานได้ตามปกติ และโครงการเหมืองหงสาที่คาดว่าจะสามารถเพิ่มปริมาณการขุดขนดินและถ่านหินได้มากขึ้น เนื่องจากบริษัทมีการเพิ่มเครื่องจักรในการขุดขนดินมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการเหมืองดีบุกที่คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ได้บางส่วนในช่วงไตรมาส 3/61 จากที่บริษัทสามารถเข้าดำเนินงานได้ อีกทั้งบริษัทยังได้ขอรับการชดเชยจากเหตุการณ์ดินสไลด์จากทาง กฟผ. แล้ว ซึ่งคาดว่าจะได้รับเป็นงานเพิ่มเติมแทน โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการพิจารณาจากทาง กฟผ. อยู่
อย่างไรก็ดี แม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/61 และไตรมาส 2/61 จะประสบกับผลขาดทุน แต่เรายังมีมุมมองที่ดีในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก จากการดำเนินการที่กลับมาเป็นปกติ และงานเหมืองดีบุกที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ได้บางส่วนในปีนี้
อีกทั้งยังมีงานที่ได้รับจากการชดเชยจากเหตุการณ์ดินสไลด์ที่จะเข้ามาช่วยหนุนกำไรทั้งปีอีกด้วย ได้ปรับประมานการทั้งปีเพิ่มขึ้นจากเดิม 3,576 ล้านบาท เป็น 3,786 ล้านบาท จากโครงการเหมืองดีบุกที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้บางส่วนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/61 จากเดิมที่บริษัทไม่สามารถเริ่มงานได้ เนื่องจากรอเจ้าของสัปทานต่ออายุสัญญาสัปทานก่อน จากแนวโน้มที่ดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป จึงคงคำแนะนำซื้อ ด้วยราคาเป้าหมาย 4.75 บาท อิงค่า EV/EBITDA ที่ 9 เท่า